Guestpost โฟสฟรี ถ้าคุณมีสาระดีๆ ที่นี่เราให้คุณได้แบ่งปัน

สตาร์ทอัพจีนเปิดตัว...
 
Notifications
Clear all

สตาร์ทอัพจีนเปิดตัว 'คลินิกหมอ AI' แห่งแรกของโลกในซาอุดีอาระเบีย พลิกโฉมวงการแพทย์

1 Posts
1 Users
0 Reactions
94 Views
supachai
(@supachai)
Posts: 5484
Illustrious Member
Topic starter
 

ในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์กำลังเปลี่ยนแปลงโลก ล่าสุด สตาร์ทอัพจีนได้ทำสิ่งที่หลายคนอาจคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ด้วยการเปิดตัว "คลินิกหมอ AI" แห่งแรกของโลกในซาอุดีอาระเบีย ที่ให้ AI วินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยโดยตรง ไม่ใช่เพียงเป็นผู้ช่วยแพทย์เท่านั้น นวัตกรรมนี้มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพการรักษาได้ถึง 10 เท่า และช่วยลดต้นทุนค่ารักษาพยาบาลได้อย่างมีนัยสำคัญ

จุดเริ่มต้นของการปฏิวัติวงการแพทย์ด้วย AI

เมื่อพูดถึงปัญญาประดิษฐ์หรือ AI หลายคนอาจนึกถึงหุ่นยนต์ในโรงงานอุตสาหกรรม หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการทำงานออฟฟิศ แต่ปัจจุบัน ขอบเขตการใช้งาน AI ได้ขยายวงกว้างออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะในวงการแพทย์ที่ต้องการความแม่นยำและความเชี่ยวชาญในระดับสูง

ล่าสุด สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์จากเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ชื่อ Synyi AI ได้เปิดตัวโครงการทดลอง "คลินิกหมอ AI" แห่งแรกของโลกในภูมิภาคอัล-อาห์ซา ประเทศซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยร่วมมือกับ Almoosa Health Group บริษัทดูแลสุขภาพชั้นนำของซาอุดีอาระเบีย

สำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า โครงการนี้ไม่ใช่แค่การนำ AI มาเป็นผู้ช่วยแพทย์เท่านั้น แต่เป็นการก้าวไปอีกขั้น ด้วยการให้ AI ทำหน้าที่เป็น "แพทย์ด่านแรก" ที่สามารถตรวจวินิจฉัยอาการ และสั่งจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้ด้วยตัวเอง นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการแพทย์ที่อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบสาธารณสุขทั่วโลกในอนาคต

กลไกการทำงานของคลินิกหมอ AI

เมื่อผู้ป่วยเข้ามาที่คลินิก พวกเขาจะไม่ได้พบกับแพทย์ที่เป็นมนุษย์เหมือนคลินิกทั่วไป แต่จะได้สื่อสารกับ AI ที่มีชื่อว่า "Dr. Hua" หรือ "คุณหมอฮัว" ผ่านแท็บเล็ตที่ตั้งอยู่ในห้องตรวจ

กระบวนการตรวจรักษาเริ่มต้นจากการที่ผู้ป่วยอธิบายอาการของตนให้ Dr. Hua ฟัง จากนั้น AI จะซักประวัติเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน เช่นเดียวกับที่แพทย์ทั่วไปจะทำ ในระหว่างนี้ จะมีเจ้าหน้าที่ที่เป็นมนุษย์คอยช่วยเหลือในการจัดเก็บข้อมูล และทำการตรวจวัดสัญญาณชีพพื้นฐาน

Dr. Hua ยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ประเภทต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ ผลคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือภาพเอกซเรย์ ซึ่งเป็นความสามารถที่เหนือกว่าระบบ AI ทั่วไปที่มักจะทำได้เพียงการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบข้อความเท่านั้น

เมื่อ AI ประมวลผลข้อมูลทั้งหมดเสร็จสิ้น จะทำการวินิจฉัยโรคและเสนอแผนการรักษาที่เหมาะสม ซึ่งแผนการรักษานี้จะถูกส่งต่อไปยังแพทย์ที่เป็นมนุษย์อีกคนหนึ่ง เพื่อทำการตรวจสอบความถูกต้องและลงนามอนุมัติก่อนที่จะเริ่มการรักษา

ที่น่าสนใจคือ แพทย์มนุษย์ในที่นี้ไม่จำเป็นต้องพบกับผู้ป่วยโดยตรง จึงสามารถตรวจสอบและอนุมัติแผนการรักษาจากทางไกลได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแพทย์มนุษย์พร้อมให้การดูแลในกรณีฉุกเฉินหรือเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าความสามารถของ AI

Synyi AI อ้างว่า ในระหว่างการทดสอบเบื้องต้น เทคโนโลยี Dr. Hua มีอัตราความผิดพลาดน้อยกว่า 0.3% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น่าประทับใจมากในวงการแพทย์ แม้จะยังต้องมีการศึกษาและตรวจสอบเพิ่มเติมในระยะยาว

จาง เส้าเตี้ยน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ของ Synyi AI ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทว่า "ในอดีต AI ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยแพทย์ แต่ตอนนี้เรากำลังก้าวไปสู่ขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือการให้ AI ทำการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยได้โดยตรง" คำกล่าวนี้สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนาของเทคโนโลยี AI ทางการแพทย์ที่กำลังมุ่งหน้าสู่การทำงานที่เป็นอิสระมากขึ้น

จากการทดลองสู่บริการเชิงพาณิชย์

ในปัจจุบัน มีผู้ป่วยหลายสิบรายเข้ารับบริการจากคลินิกหมอ AI แห่งนี้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เนื่องจากยังอยู่ในช่วงทดลอง โดยทุกขั้นตอนยังมีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ที่เป็นมนุษย์ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย

ข้อมูลการวินิจฉัยและผลการรักษาที่ได้จากช่วงทดลองนี้ จะถูกรวบรวมและนำไปยื่นขออนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลด้านสาธารณสุขของซาอุดีอาระเบีย เพื่อขออนุญาตขยายการให้บริการในเชิงพาณิชย์ต่อไป โดยนายจางคาดการณ์ว่า จะได้รับการอนุมัติภายในระยะเวลาประมาณ 18 เดือน

การเลือกซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดแรกในการทดลองใช้งานนอกประเทศจีน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นการวางแผนทางธุรกิจอย่างรอบคอบ เนื่องจากซาอุดีอาระเบียเป็นตลาดที่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ค่อนข้างสูง การนำ AI เข้ามาช่วยจึงสามารถลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ

ซีอีโอของ Synyi AI มองว่า เทคโนโลยี AI มีศักยภาพในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบสาธารณสุขได้มากถึง "สิบเท่า" โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลที่มักประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ เนื่องจาก AI สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่เหนื่อยล้า และมีต้นทุนการดำเนินงานที่ต่ำกว่าการจ้างแพทย์มนุษย์

ในทางตรงกันข้าม การนำเทคโนโลยีนี้ไปให้บริการเต็มรูปแบบในประเทศจีนอาจต้องผ่านการพิจารณาด้านความคุ้มค่าเชิงพาณิชย์อย่างรอบคอบ เนื่องจากระบบสาธารณสุขของจีนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ทำให้ค่าใช้จ่ายในการพบแพทย์ไม่สูงนัก การแทนที่ด้วย AI จึงอาจไม่ได้สร้างความแตกต่างด้านต้นทุนอย่างชัดเจนเท่ากับในประเทศที่มีค่ารักษาพยาบาลสูง

เสียงสะท้อนจากวงการแพทย์

แม้เทคโนโลยี AI ทางการแพทย์จะมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีเสียงสะท้อนจากผู้เชี่ยวชาญในวงการแพทย์ที่แสดงความกังวลและข้อสงสัยเกี่ยวกับการให้ AI ทำหน้าที่วินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยโดยตรง

เหงียม คี หยวน ที่ปรึกษาอาวุโสของโรงพยาบาลแห่งชาติสิงคโปร์ ได้แสดงความคิดเห็นต่อการพัฒนาดังกล่าวว่า "เราทราบถึงความพยายามหลายครั้งในการสร้างหมอ AI ที่มีความสามารถพอสมควร สามารถพูดคุยกับผู้ป่วยได้โดยตรง แต่ถึงอย่างนั้น แม้แต่ระบบที่ดีที่สุดก็ยังทำงานได้ไม่เทียบเท่ากับแพทย์ปฐมภูมิ ผมจึงยังรู้สึกไม่เชื่อมั่นนัก"

ความกังวลของผู้เชี่ยวชาญไม่ได้เกิดจากการต่อต้านเทคโนโลยี แต่มาจากความเข้าใจในความซับซ้อนของการรักษาพยาบาล ที่บางครั้งต้องอาศัยความรู้สึก ประสบการณ์ และการตัดสินใจที่ละเอียดอ่อน ซึ่งยังเป็นคุณสมบัติที่ AI ในปัจจุบันอาจยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ากับมนุษย์

ในปัจจุบัน Dr. Hua ยังมีความสามารถที่จำกัด โดยเน้นการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจประมาณ 30 โรค เช่น โรคหืด คออักเสบ และโรคติดเชื้อทางเดินหายใจต่างๆ ซึ่งถือว่าเป็นโรคพื้นฐานที่พบบ่อยและมีแนวทางการรักษาที่ค่อนข้างชัดเจน

อย่างไรก็ตาม Synyi AI มีแผนที่จะขยายขอบเขตความสามารถของ Dr. Hua ให้ครอบคลุมโรคในระบบทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร และผิวหนัง รวมทั้งสิ้นประมาณ 50 โรค ภายในปีหน้า นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับโรงพยาบาลอื่นๆ ในซาอุดีอาระเบีย เพื่อขยายเครือข่ายคลินิกหมอ AI ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

กระแสเทคโนโลยีสุขภาพจากจีนบุกตะวันออกกลาง

การที่ Synyi AI เลือกเปิดการทดลองคลินิกหมอ AI ในซาอุดีอาระเบีย ไม่ใช่เพียงการขยายธุรกิจของบริษัทเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์ใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยีสุขภาพจากจีนที่กำลังแสวงหาโอกาสทางธุรกิจในต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ก่อนหน้านี้ บริษัท Shanghai Fosun Pharmaceutical ยักษ์ใหญ่ด้านยาและเวชภัณฑ์ของจีน ก็ได้จับมือกับ Fakeeh Care Group ซึ่งเป็นกลุ่มโรงพยาบาลในซาอุดีอาระเบีย เพื่อร่วมกันพัฒนาการบำบัดด้วยเซลล์และยีน รวมถึงเทคโนโลยีการวินิจฉัยทางไกล

ในขณะเดียวกัน XtalPi Holdings บริษัทที่ใช้ AI ในการค้นคว้าและพัฒนายาใหม่ ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการจัดตั้งห้องปฏิบัติการหุ่นยนต์ในประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง

ภูมิภาคตะวันออกกลางกำลังกลายเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับการทดลองและพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์สมัยใหม่ เนื่องจากหลายประเทศในภูมิภาคนี้มีความพร้อมทั้งในด้านเงินทุน และความเปิดกว้างต่อนวัตกรรม รวมถึงมีกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ มากกว่าในหลายประเทศแถบยุโรปหรืออเมริกา

ในประเทศจีนเอง เทคโนโลยี AI ทางการแพทย์ได้ถูกนำมาใช้งานอย่างแพร่หลายแล้ว โดยเฉพาะในรูปแบบของการปรึกษาแพทย์ออนไลน์ ซึ่งมีการนำ AI มาช่วยในการคัดกรองผู้ป่วย และวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น แต่ส่วนใหญ่ยังทำหน้าที่เป็นเพียงผู้ช่วยแพทย์เท่านั้น ยังไม่ได้มีการให้ AI ทำหน้าที่วินิจฉัยและรักษาโดยตรงในเชิงพาณิชย์

แม้จะมีหลายบริษัทในจีนที่กำลังพัฒนาแพทย์ AI ที่สามารถให้คำปรึกษาได้อย่างอิสระ เช่น MedGPT ของบริษัท Medlinker แต่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาและทดสอบ ยังไม่ได้นำมาใช้งานจริงอย่างเต็มรูปแบบ

ความท้าทายด้านการกำกับดูแลและความปลอดภัย

การที่ AI เริ่มเข้ามามีบทบาทโดยตรงในการวินิจฉัยโรคและการรักษาพยาบาล ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและชีวิตของผู้คนโดยตรง ย่อมนำมาซึ่งคำถามสำคัญเกี่ยวกับการกำกับดูแลและมาตรฐานความปลอดภัย

ดีแลน แอตตาร์ด ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ MedTech World องค์กรที่ทำงานเกี่ยวกับนวัตกรรมทางการแพทย์ ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการกำกับดูแลว่า "AI ทางการแพทย์ส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตผู้คน ดังนั้นการตรวจสอบอย่างเข้มงวดจึงเป็นสิ่งจำเป็น ต้องมีมาตรการป้องกันเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย ประสิทธิผล และความไว้วางใจของประชาชน"

อย่างไรก็ตาม เขายังเสริมว่า "หน่วยงานกำกับดูแลก็จำเป็นต้องสร้างสมดุล โดยต้องละเอียดถี่ถ้วน แต่ก็ต้องมีความยืดหยุ่นเพียงพอที่จะไม่ขัดขวางนวัตกรรม" ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างกฎระเบียบที่เหมาะสมสำหรับเทคโนโลยีที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว

ในกรณีของคลินิกหมอ AI ในซาอุดีอาระเบีย ทางการซาอุดีอาระเบียจะต้องพัฒนากรอบการกำกับดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่า การวินิจฉัยและการรักษาของ AI มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนานวัตกรรมทางการแพทย์

ปัจจัยสนับสนุนความสำเร็จของ Synyi AI

Synyi AI ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์หน้าใหม่ แต่เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ของจีน ทั้ง Tencent ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี และ GGV Capital กองทุนร่วมลงทุนระดับโลก รวมถึงยังได้รับเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลท้องถิ่นในจีนอีกด้วย

บริษัทได้สั่งสมประสบการณ์จากการร่วมงานกับโรงพยาบาลและสถาบันการแพทย์กว่า 800 แห่งทั่วประเทศจีน ในการนำเทคโนโลยี AI มาช่วยจัดการข้อมูลทางการแพทย์และสนับสนุนงานแพทย์ในด้านต่างๆ ทำให้มีฐานความรู้และประสบการณ์ที่แข็งแกร่งในการพัฒนา Dr. Hua

การที่ Synyi AI ตัดสินใจบุกตลาดซาอุดีอาระเบียจึงถือเป็นก้าวสำคัญสู่เวทีระดับโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายธุรกิจไปยังภูมิภาคอื่นๆ ในอนาคต หากการทดลองครั้งนี้ประสบความสำเร็จ

อนาคตของการแพทย์ในยุค AI

การทดลองเปิดคลินิกแพทย์ AI ในซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ จึงเป็นมากกว่าแค่การเปิดคลินิกแห่งใหม่ แต่เป็นการทดสอบโมเดลธุรกิจและเทคโนโลยีที่อาจพลิกโฉมวงการแพทย์และวิธีการเข้าถึงบริการสาธารณสุขในอนาคต

โมเดลนี้มุ่งเน้นการผสมผสานบทบาทของมนุษย์และ AI เข้าด้วยกัน โดยให้ AI ทำหน้าที่ในส่วนที่เป็นงานประจำ การวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมาก และการวินิจฉัยโรคพื้นฐาน ส่วนแพทย์ที่เป็นมนุษย์จะทำหน้าที่ในการดูแลกรณีที่ซับซ้อน ตัดสินใจในสถานการณ์วิกฤต และให้การดูแลที่ต้องอาศัยความเข้าใจทางอารมณ์และจิตวิญญาณ

แนวคิดนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การรักษาพยาบาลมีประสิทธิภาพมากขึ้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีต้นทุนที่ลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ห่างไกลหรือประเทศกำลังพัฒนาที่มักประสบปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์

แม้ว่าในปัจจุบัน Dr. Hua จะยังมีข้อจำกัดในด้านขอบเขตความสามารถ แต่ด้วยพัฒนาการอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี AI เราอาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการแพทย์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

การเปิดคลินิกหมอ AI แห่งแรกของโลกในซาอุดีอาระเบียจึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ในวงการแพทย์ ที่ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสนับสนุนอีกต่อไป แต่กลายเป็นผู้ให้บริการหลักในระบบสาธารณสุข ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งในแง่ของโครงสร้างระบบสาธารณสุข การศึกษาทางการแพทย์ และความคาดหวังของผู้ป่วยต่อการรักษาพยาบาลในอนาคต

This topic was modified 2 months ago by supachai
 
Posted : 16/05/2025 12:41 pm
Share: