Huawei บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ได้เปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นล่าสุด Watch 5 ที่เมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยมาพร้อมนวัตกรรมเซนเซอร์ X-Tap ที่ช่วยยกระดับการติดตามสุขภาพให้ละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น
นวัตกรรมเซนเซอร์ X-Tap: ปฏิวัติการดูแลสุขภาพบนข้อมือ
นาย Li Xiaofeng ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ Huawei กล่าวในงานเปิดตัวว่า "Watch 5 ไม่ใช่เพียงสมาร์ทวอทช์ แต่เป็นผู้ช่วยดูแลสุขภาพส่วนบุคคลที่ผสานเทคโนโลยีด้านการแพทย์และการตรวจวัดทางกายภาพเข้าด้วยกัน ซึ่งตอกย้ำปรัชญาการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ Huawei ที่มุ่งเน้นนำเทคโนโลยีมาพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน"
Watch 5 ได้รับการออกแบบชุดเซนเซอร์ใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า X-Tap ซึ่งสามารถอ่านข้อมูลสุขภาพได้อย่างหลากหลาย โดยเฉพาะค่าความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจหรือ HRV (Heart Rate Variability) ที่กำลังเป็นเทรนด์การดูแลสุขภาพในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นตัวชี้วัดสุขภาพองค์รวมและระดับความเครียดของร่างกายที่แม่นยำ
ทีมวิศวกรของ Huawei ใช้เวลาพัฒนาเซนเซอร์ X-Tap กว่า 3 ปี โดยร่วมมือกับสถาบันวิจัยทางการแพทย์ชั้นนำในยุโรปและเอเชีย เพื่อให้ได้เทคโนโลยีที่มีความแม่นยำสูงและเชื่อถือได้ในการตรวจวัดค่าต่างๆ ทางสุขภาพ ทั้งนี้ Dr. Maria Schmidt ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ร่วมพัฒนาเซนเซอร์ X-Tap กล่าวว่า "ความแม่นยำของเซนเซอร์ X-Tap ใกล้เคียงกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ระดับมืออาชีพ ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามสุขภาพของตนเองได้อย่างละเอียดในชีวิตประจำวัน"
Health Glance: เทคโนโลยีการตรวจสุขภาพเพียง 60 วินาที
Huawei ได้พัฒนาเทคนิคที่เรียกว่า Health Glance ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจวัดค่าสุขภาพได้อย่างรวดเร็วและครอบคลุม เพียงกดนิ้วบนเซนเซอร์ X-Tap เป็นระยะเวลา 60 วินาที ระบบจะวิเคราะห์และแสดงค่าสุขภาพที่สำคัญถึง 9 รายการ ได้แก่:
- อัตราการเต้นของหัวใจโดยเฉลี่ย - ติดตามจังหวะการเต้นของหัวใจและเตือนหากมีความผิดปกติ
- ค่าความแปรปรวนของอัตราการเต้นของหัวใจ (HRV) - สะท้อนความสมดุลของระบบประสาทอัตโนมัติและวัดระดับความเครียดของร่างกาย
- ระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) - ช่วยตรวจจับภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการออกกำลังกายหรือขณะนอนหลับ
- อุณหภูมิบนผิวหนัง - ช่วยตรวจจับความผิดปกติของอุณหภูมิร่างกายที่อาจบ่งชี้ถึงการเจ็บป่วย
- ระดับความเครียด - วิเคราะห์จากการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติและแนะนำเทคนิคการผ่อนคลายเมื่อระดับความเครียดสูงเกินไป
- คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) - ตรวจจับความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจ
- ภาวะหลอดเลือดแข็งตัว - ประเมินความยืดหยุ่นของหลอดเลือดซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพหัวใจและหลอดเลือดในระยะยาว
- ข้อมูลระบบทางเดินหายใจโดยรวม - วิเคราะห์ประสิทธิภาพการหายใจและปริมาณออกซิเจนที่ร่างกายได้รับ
- ค่าการหายใจขณะหลับ - ตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับที่อาจส่งผลต่อคุณภาพการนอนและสุขภาพโดยรวม
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ นายแพทย์ Thomas Müller จากสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งเบอร์ลิน ที่เข้าร่วมงานเปิดตัวกล่าวว่า "การที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลสุขภาพที่ซับซ้อนได้อย่างง่ายดายและรวดเร็วนั้น จะช่วยปฏิวัติวิธีการที่เราดูแลสุขภาพตนเอง ทำให้การป้องกันโรคเป็นเรื่องที่ทำได้ในชีวิตประจำวัน"
เทคโนโลยีเซนเซอร์คู่: การผสานนวัตกรรมเพื่อความแม่นยำสูงสุด
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ Watch 5 คือเซนเซอร์ที่ด้านข้างตัวเรือน ซึ่งผสานการทำงานของเซนเซอร์ 2 ประเภทเข้าด้วยกัน ได้แก่:
- เซนเซอร์วัดแรงกด - วัดระดับความเข้มข้นของแรงกดที่ปลายนิ้วด้วยอิเล็กโทรด ECG ทำให้การอ่านค่ามีความแม่นยำสูงขึ้น
- เซนเซอร์ PPG (Photoplethysmography) - ใช้แสงตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของปริมาณเลือดในหลอดเลือดฝอยใต้ผิวหนัง โดยใช้เทคโนโลยีแสง LED หลายความยาวคลื่นเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดยิ่งขึ้น
Huawei อ้างว่า การวัดการไหลเวียนของเลือดบนปลายนิ้วนั้นสามารถแสดงค่าสัญญาณการเต้นของหัวใจที่ชัดเจนกว่าการวัดที่ข้อมือถึง 2.6 เท่า และลดสัญญาณรบกวนจากการเคลื่อนไหวได้มากกว่า 85% ส่งผลให้การวัดค่าต่างๆ มีความแม่นยำสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทีมวิศวกรของ Huawei ได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของเซนเซอร์คู่นี้กับอาสาสมัครกว่า 10,000 คนจากทั่วโลก เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถทำงานได้อย่างแม่นยำกับผู้ใช้ที่มีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นสีผิว อายุ หรือเพศ
การออกแบบที่โดดเด่น: ความงามที่ผสานกับความแข็งแกร่ง
Watch 5 มีให้เลือกด้วยกัน 2 เวอร์ชัน ได้แก่:
ตัวเรือนขนาด 46 มม. (หน้าจอ 1.43 นิ้ว)
- ผลิตด้วยวัสดุไทเทเนียมเกรดที่ใช้ในผลิตยานอวกาศ ที่มีความแข็งแรงสูงแต่น้ำหนักเบา
- ผลิตด้วยวัสดุสแตนเลส 316L คุณภาพสูง ทนทานต่อการสึกหรอและการกัดกร่อน
ตัวเรือนขนาด 42 มม. (หน้าจอ 1.32 นิ้ว)
- ผลิตด้วยวัสดุสแตนเลสคุณภาพสูงเท่านั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบนาฬิกาขนาดกะทัดรัด
Chang Wei นักออกแบบผลิตภัณฑ์ของ Huawei เผยว่า "เราใช้เวลากว่า 18 เดือนในการพัฒนาการออกแบบของ Watch 5 โดยมุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างความงามของนาฬิกาหรูและความทันสมัยของเทคโนโลยี" Huawei ได้ใช้เทคนิคการจับคู่สีด้วยกระบวนการออกซิเดชันที่ล้ำหน้า เพื่อให้ได้สีของตัวเรือนที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์
หน้าจอของ Watch 5 ได้รับการปกป้องด้วยกระจกแซฟไฟร์ที่มีความแข็งระดับ 9 บนสเกลโมห์ ซึ่งทนต่อรอยขีดข่วนได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ Watch 5 มีความพรีเมียมและทนทานในระดับสูงสุด นอกจากนี้ ตัวเรือนยังผ่านการรับรองมาตรฐานกันน้ำ 5ATM ทำให้สามารถใช้งานได้ในขณะว่ายน้ำหรือดำน้ำตื้นได้อย่างปลอดภัย
ฟีเจอร์การใช้งานที่ครอบคลุม: ผู้ช่วยส่วนตัวบนข้อมือ
Watch 5 ไม่ได้โดดเด่นเพียงด้านการติดตามสุขภาพเท่านั้น แต่ยังมาพร้อมฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายและครอบคลุม ดังนี้:
การติดตามสุขภาพแบบองค์รวม
- ระบบติดตามการนอนหลับขั้นสูง วิเคราะห์คุณภาพการนอนหลับและให้คำแนะนำในการปรับปรุง
- ระบบติดตามรอบเดือนสำหรับผู้หญิง ช่วยคาดการณ์วันที่มีประจำเดือนและวันตกไข่ พร้อมแจ้งเตือนล่วงหน้า
- ระบบติดตามความเครียดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมแนะนำเทคนิคการผ่อนคลายเมื่อระดับความเครียดสูงเกินไป
- ฟีเจอร์ "Health Guardian" ที่สามารถแจ้งเตือนความผิดปกติทางสุขภาพและส่งข้อมูลไปยังผู้ดูแลหรือสมาชิกในครอบครัวในกรณีฉุกเฉิน
ฟีเจอร์การออกกำลังกายที่ครอบคลุม
- โหมดการออกกำลังกายมากกว่า 100 แบบ ครอบคลุมตั้งแต่กิจกรรมพื้นฐานไปจนถึงกีฬาเฉพาะทาง
- ระบบโค้ชส่วนตัวอัจฉริยะที่วิเคราะห์รูปแบบการออกกำลังกายและให้คำแนะนำเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ
- ระบบติดตาม GPS แบบคู่ (Dual-band GPS) ที่มีความแม่นยำสูงสำหรับติดตามเส้นทางการวิ่งหรือปั่นจักรยาน
- ฟีเจอร์วิเคราะห์ท่าทางการวิ่งที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บ
การเชื่อมต่อและความสะดวกสบาย
- รองรับ eSIM ทำให้สามารถโทรออกและรับสายได้โดยตรงจากนาฬิกาโดยไม่ต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟน
- รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6 เพื่อความเร็วในการซิงค์ข้อมูลและดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
- สามารถใช้เป็นรีโมทกล้องได้ (รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน Huawei ที่ทำงานบนซอฟต์แวร์ EMUI เท่านั้น)
- ระบบชำระเงินไร้สัมผัส Huawei Pay ที่รองรับธนาคารชั้นนำในหลายประเทศทั่วโลก
- ฟีเจอร์ค้นหาโทรศัพท์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำให้โทรศัพท์ส่งเสียงเตือนในกรณีที่วางผิดที่
Watch 5 รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนระบบ EMUI, Android และ iOS ผ่าน Bluetooth ได้อย่างสมบูรณ์ แต่ฟีเจอร์บางอย่างเช่น การตอบกลับข้อความและรีโมทกล้องอาจมีข้อจำกัดบนระบบปฏิบัติการบางประเภท
แบตเตอรี่ที่ทนทาน: ประสิทธิภาพที่ยาวนานเพื่อการใช้งานต่อเนื่อง
Huawei ได้พัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่สำหรับ Watch 5 โดยเฉพาะ โดยใช้แบตเตอรี่ลิเธียมโพลิเมอร์ความจุสูงที่ให้ประสิทธิภาพการใช้งานที่ยาวนาน:
- รุ่น 46 มม. สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 14 วันในโหมดประหยัดพลังงาน หรือ 7 วันในการใช้งานปกติที่มีการใช้ฟีเจอร์ติดตามสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
- รุ่น 42 มม. สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องสูงสุด 10 วันในโหมดประหยัดพลังงาน หรือ 5 วันในการใช้งานปกติ
นอกจากนี้ Huawei ยังได้พัฒนาเทคโนโลยีการชาร์จเร็วที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0% เป็น 70% ในเวลาเพียง 30 นาที และชาร์จเต็มในเวลา 60 นาที ด้วยแท่นชาร์จแม่เหล็กไร้สายที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้ยังรองรับการชาร์จไร้สายมาตรฐาน Qi ทำให้สามารถชาร์จได้กับแท่นชาร์จไร้สายทั่วไปหรือสมาร์ทโฟนที่รองรับการชาร์จย้อนกลับ
ซอฟต์แวร์และระบบปฏิบัติการ: ประสบการณ์การใช้งานที่ลื่นไหล
Watch 5 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 5.0 ที่พัฒนาโดย Huawei เอง ซึ่งได้รับการออกแบบให้ทำงานได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพบนอุปกรณ์พกพา ระบบปฏิบัติการนี้มาพร้อมกับ:
- อินเทอร์เฟซผู้ใช้ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ให้การนำทางที่ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น
- ระบบประมวลผล AI ที่เรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานและปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน
- แอพพลิเคชันพื้นฐานที่ครบครัน เช่น ปฏิทิน นาฬิกาปลุก ตัวจับเวลา สภาพอากาศ และเพลง
- Huawei AppGallery ที่มีแอพพลิเคชันพิเศษสำหรับสมาร์ทวอทช์มากมาย
- ระบบผู้ช่วยเสียงอัจฉริยะ CELIA ที่สามารถตอบคำถาม ตั้งการแจ้งเตือน และควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮมได้
Huawei ยังได้เปิดตัว Health App เวอร์ชันใหม่ที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อรองรับฟีเจอร์ขั้นสูงของ Watch 5 โดยแอพนี้จะช่วยรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพทั้งหมด พร้อมให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์เพื่อปรับปรุงสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้
Li Xiaofeng เสริมว่า "เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่อง โดย Watch 5 จะได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ และปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน"
ราคาและวันวางจำหน่าย: พร้อมให้บริการในเร็วๆ นี้
Huawei จะเริ่มจำหน่าย Watch 5 ในวันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ในตลาดยุโรปก่อน ตามด้วยเอเชียและตลาดอื่นๆ ทั่วโลกในเดือนมิถุนายน โดยมีราคาดังนี้:
ตัวเรือนขนาด 46 มม.
- สี Black: 499.99 ยูโร หรือประมาณ 18,600 บาท
- สี Titanium Brown: 549.99 ยูโร หรือประมาณ 20,500 บาท
- สี Titanium Purple: 549.99 ยูโร หรือประมาณ 20,500 บาท
- สี Titanium Silver: 649.99 ยูโร หรือประมาณ 24,200 บาท
ตัวเรือนขนาด 42 มม.
- สี Green: 449.99 ยูโร หรือประมาณ 16,800 บาท
- สี White: 449.99 ยูโร หรือประมาณ 16,800 บาท
- สี Stainless Beige: 549.99 ยูโร หรือประมาณ 20,500 บาท
- สี Stainless Gold: 649.99 ยูโร หรือประมาณ 24,200 บาท
สำหรับตลาดประเทศไทย ทาง Huawei ได้ประกาศว่าจะนำ Watch 5 เข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือนมิถุนายน 2568 โดยราคาและโปรโมชั่นเปิดตัวจะมีการประกาศอีกครั้งในงานเปิดตัวที่กรุงเทพฯ
การแข่งขันในตลาดสมาร์ทวอทช์: Huawei พร้อมท้าชนคู่แข่ง
การเปิดตัว Watch 5 ครั้งนี้ถือเป็นความพยายามของ Huawei ในการแข่งขันกับผู้ผลิตสมาร์ทวอทช์รายใหญ่อย่าง Apple Watch และ Samsung Galaxy Watch ในตลาดระดับพรีเมียม โดยเฉพาะในด้านฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ Huawei เน้นย้ำว่าเหนือกว่าคู่แข่งในหลายด้าน
นักวิเคราะห์ตลาดอุปกรณ์สวมใส่ นาย James Peterson จากบริษัทวิจัยตลาด TechInsights กล่าวว่า "Huawei กำลังวางตำแหน่งตัวเองเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสุขภาพบนอุปกรณ์สวมใส่ โดย Watch 5 มีฟีเจอร์ด้านสุขภาพที่ครอบคลุมและก้าวหน้ากว่าคู่แข่งในตลาด แต่ความท้าทายของ Huawei จะอยู่ที่การขยายฐานผู้ใช้ในตลาดตะวันตกที่ยังมีข้อจำกัดทางการค้าอยู่"
ทางด้าน Huawei เองก็มั่นใจว่าคุณภาพและนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ โดย Li Xiaofeng กล่าวปิดท้ายงานเปิดตัวว่า "เราไม่ได้แข่งขันด้วยชื่อแบรนด์ แต่เราแข่งขันด้วยคุณภาพของผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่มอบให้ผู้ใช้ เราเชื่อว่า Watch 5 จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดบนข้อมือของพวกเขา"
สรุป: นวัตกรรมการดูแลสุขภาพบนข้อมือที่ล้ำสมัยที่สุดของ Huawei
Huawei Watch 5 ถือเป็นก้าวสำคัญของ Huawei ในการพัฒนาสมาร์ทวอทช์ที่ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์เสริมของสมาร์ทโฟนเท่านั้น แต่ยังเป็นอุปกรณ์ติดตามสุขภาพที่ครบวงจรและมีความแม่นยำสูง ด้วยนวัตกรรมเซนเซอร์ X-Tap และเทคโนโลยี Health Glance ทำให้ผู้ใช้สามารถติดตามสุขภาพของตนเองได้อย่างละเอียดและครอบคลุมมากกว่าที่เคยมีมา
การออกแบบที่หรูหราและวัสดุระดับพรีเมียมยังช่วยให้ Watch 5 ไม่เป็นเพียงอุปกรณ์เทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่สะท้อนรสนิยมของผู้สวมใส่อีกด้วย ในขณะที่แบตเตอรี่ที่ทนทานและระบบปฏิบัติการที่ใช้งานง่ายช่วยให้การใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นไปอย่างสะดวกและราบรื่น
ด้วยราคาที่เริ่มต้นที่ 16,800 บาท Watch 5 อาจไม่ใช่สมาร์ทวอทช์ที่ทุกคนเข้าถึงได้ แต่สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและต้องการเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุด Huawei Watch 5 อาจเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าสำหรับอนาคตที่มีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น