ในยุคที่สมาร์ตโฟนกลายเป็นอวัยวะที่ 33 ของมนุษย์ หลายคนอาจคิดว่าทีวีกำลังสูญเสียความสำคัญและมีผู้ชมน้อยลง เนื่องจากการบริโภคสื่อส่วนใหญ่ย้ายไปอยู่บนหน้าจอสมาร์ทโฟน แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม แม้พฤติกรรมการรับชมจะเปลี่ยนไป ผู้คนหันมาดูคอนเทนต์ผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งมากขึ้น แต่จอทีวียังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการรับชมความบันเทิงในบ้าน
ซัมซุง ผู้นำตลาดทีวีพรีเมียมระดับโลก กำลังปฏิวัติวงการอีกครั้งด้วยการกำหนดบทบาทใหม่ให้กับทีวีในยุคดิจิทัล โดยมุ่งเปลี่ยนจอทีวีธรรมดาให้กลายเป็นศูนย์กลางอัจฉริยะที่เข้าใจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ผ่านเทคโนโลยีล้ำสมัย Samsung Vision AI ที่ไม่เพียงยกระดับคุณภาพภาพและเสียงเท่านั้น แต่ยังปฏิวัติประสบการณ์การรับชมทีวีแบบเดิมๆ ไปสู่มิติใหม่ที่ล้ำหน้า
Samsung Vision AI: ปฏิวัติทีวีสู่ผู้ช่วยอัจฉริยะแห่งอนาคต
Samsung Vision AI ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิดหลัก 3 ประการที่มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์ผู้ใช้อย่างครบวงจร ได้แก่:
Know You Better - เทคโนโลยีที่เรียนรู้และเข้าใจความชอบของผู้ใช้แต่ละคน ทั้งภาพและเสียง เพื่อปรับแต่งการนำเสนอให้เหมาะสมที่สุด ระบบวิเคราะห์พฤติกรรมการรับชมอย่างต่อเนื่อง เพื่อเรียนรู้ว่าผู้ใช้ชอบภาพแบบไหน สีสันระดับใด และเสียงในลักษณะอย่างไร จากนั้นปรับแต่งทุกพารามิเตอร์ให้ตรงใจ ทำให้การรับชมทีวีเป็นประสบการณ์ที่เฉพาะตัวอย่างแท้จริง
"เราพัฒนาอัลกอริทึมที่ซับซ้อนเพื่อวิเคราะห์รสนิยมของแต่ละบุคคล ทำให้ทีวีสามารถเรียนรู้ได้ว่าคุณชอบภาพแบบสีสดใส หรือโทนธรรมชาติ เสียงแบบเน้นเบส หรือเน้นความชัดของเสียงพูด และปรับแต่งทุกอย่างให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติ" ผู้บริหารระดับสูงของซัมซุงกล่าว
Connect Better - เปลี่ยนทีวีให้เป็นศูนย์กลางของบ้านอัจฉริยะที่สมบูรณ์แบบ ด้วยเทคโนโลยี SmartThings Hub ทำให้สามารถควบคุมอุปกรณ์เชื่อมต่อทั้งหมดในบ้านผ่านหน้าจอทีวี พร้อมฟีเจอร์เด่นอย่าง 3D Map View ที่แสดงแผนผังบ้านแบบสามมิติพร้อมสถานะอุปกรณ์ต่างๆ และ Home Insights ที่แสดงข้อมูลการทำงานของอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหมดแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถจัดการและควบคุมบ้านอัจฉริยะได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ระบบนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ไร้สายมาตรฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Zigbee, Z-Wave, Thread และ Matter เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมจากหลากหลายแบรนด์ได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ทีวีของซัมซุงกลายเป็นศูนย์กลางการควบคุมบ้านอัจฉริยะที่ครบครัน
Care Better - ยกระดับความปลอดภัยและการดูแลภายในบ้าน ด้วยระบบตรวจจับอัจฉริยะที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวภายในบ้านได้ตลอดเวลาผ่านทีวีหรือสมาร์ทโฟน Galaxy ระบบสามารถตรวจจับความผิดปกติและส่งการแจ้งเตือนโดยอัตโนมัติ เพิ่มความอุ่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย
"ฟีเจอร์ Care Better ถูกออกแบบมาโดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ทุกข้อมูลจะถูกประมวลผลภายในอุปกรณ์เท่านั้น ไม่มีการส่งข้อมูลส่วนตัวไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าความเป็นส่วนตัวได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่" ตัวแทนจากซัมซุงอธิบาย
8 ฟีเจอร์เปลี่ยนทีวีธรรมดาให้เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะ
Samsung Vision AI ไม่ใช่เพียงแค่การรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยไว้ในจอเดียว แต่คือการยกระดับความฉลาดของทีวีให้สามารถเข้าใจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างลึกซึ้ง ผ่านฟีเจอร์นวัตกรรม 8 อย่างที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์:
1. 8K AI Upscaling Pro
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถยกระดับภาพจากแหล่งที่มาความละเอียดต่ำให้มีคุณภาพใกล้เคียงกับ 8K อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์จากการออกอากาศทีวีดิจิทัล ภาพยนตร์ HD หรือวิดีโอออนไลน์ทั่วไป
ระบบทำงานด้วยการวิเคราะห์ภาพแบบเรียลไทม์ในทุกเฟรม ใช้ AI เพื่อตรวจจับและลดสัญญาณรบกวน เพิ่มความคมชัด และสร้างรายละเอียดที่ขาดหายไป โดยใช้ฐานข้อมูลภาพขนาดใหญ่ที่ผ่านการเรียนรู้ด้วย Deep Learning เพื่อเข้าใจว่าภาพที่มีคุณภาพสูงควรมีลักษณะอย่างไร ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความสมจริงและเป็นธรรมชาติมากกว่าการอัปสเกลแบบดั้งเดิม
"เทคโนโลยี 8K AI Upscaling Pro ของเราได้รับการพัฒนาจนถึงรุ่นที่ 4 แล้ว ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่ารุ่นก่อนๆ อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในการรักษารายละเอียดของพื้นผิว เส้นขอบ และลวดลายที่ซับซ้อน ทำให้ภาพที่ผ่านการอัปสเกลดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ไม่มีความผิดเพี้ยนที่มักพบในเทคโนโลยีอัปสเกลทั่วไป" นักวิจัยด้านภาพของซัมซุงกล่าว
2. Color Booster Pro
ไม่เพียงแค่ปรับแต่งสีให้สดขึ้นเท่านั้น แต่ เทคโนโลยี Color Booster Pro สามารถวิเคราะห์องค์ประกอบของสีในแต่ละเฟรมอย่างละเอียด และปรับแต่งอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ได้สีสันที่สมจริงและมีชีวิตชีวามากขึ้น โดยไม่สูญเสียรายละเอียด หรือทำให้ภาพดูผิดธรรมชาติ
เทคโนโลยีนี้ทำงานโดยใช้อัลกอริทึมที่ซับซ้อนในการวิเคราะห์สีของวัตถุและฉากในแต่ละเฟรม แล้วปรับแต่งความอิ่มตัว ความสว่าง และโทนสีแยกตามพื้นที่ของภาพ แทนที่จะปรับทั้งภาพแบบเดียวกันหมด ทำให้สามารถเพิ่มความสดใสให้กับส่วนที่ต้องการ ในขณะที่ยังคงรักษาโทนสีผิวให้เป็นธรรมชาติ และรักษารายละเอียดในส่วนที่มืดหรือสว่างมากๆ ได้อย่างสมดุล
"ความพิเศษของ Color Booster Pro อยู่ที่ความสามารถในการแยกวิเคราะห์และปรับแต่งสีแบบเฉพาะจุด โดยระบบจะจำแนกองค์ประกอบต่างๆ ในภาพ เช่น ท้องฟ้า ใบหน้า วัตถุ ฉากหลัง แล้วปรับแต่งแต่ละส่วนอย่างเหมาะสม ทำให้ภาพที่ได้มีมิติและความสมจริงมากขึ้น" ผู้เชี่ยวชาญด้านการแสดงผลภาพของซัมซุงอธิบาย
3. AI Customization Mode
จุดเด่นของฟีเจอร์นี้คือความสามารถในการจดจำและเรียนรู้ความชอบของผู้ใช้แต่ละคน ทั้งในเรื่องของสี ความสว่าง คอนทราสต์ และรายละเอียดอื่นๆ โดยระบบจะเริ่มต้นเรียนรู้จากการปรับแต่งของผู้ใช้ในช่วงแรก และค่อยๆ พัฒนาโปรไฟล์ความชอบส่วนบุคคลขึ้นมา
เมื่อเรียนรู้เพียงพอแล้ว AI Customization Mode จะสามารถตรวจจับประเภทของคอนเทนต์ที่กำลังรับชม เช่น ภาพยนตร์แอ็คชั่น รายการกีฬา สารคดีธรรมชาติ หรือการ์ตูน แล้วปรับการแสดงผลให้เหมาะสมโดยอัตโนมัติตามความชอบของผู้ใช้ โดยไม่จำเป็นต้องปรับตั้งค่าด้วยตนเองทุกครั้ง
"เป้าหมายของเราคือการทำให้ทีวีรู้จักและเข้าใจผู้ใช้แต่ละคนอย่างลึกซึ้ง เหมือนกับผู้ช่วยส่วนตัวที่รู้ว่าคุณชอบอะไร และคอยปรับแต่งประสบการณ์การรับชมให้ตรงใจที่สุด" ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ของซัมซุงกล่าว
นอกจากนี้ ระบบยังสามารถจดจำผู้ใช้หลายคนในบ้านเดียวกัน และสลับโปรไฟล์การปรับแต่งได้โดยอัตโนมัติเมื่อตรวจจับได้ว่าใครกำลังรับชม ซึ่งทำให้ทุกคนในครอบครัวได้รับประสบการณ์การรับชมที่เหมาะสมกับความชอบของตนเอง
4. Adaptive Sound Pro และ Active Voice Amplifier Pro
ไม่เพียงแต่ภาพที่ได้รับการปรับแต่งอย่างชาญฉลาด เสียงก็เช่นกัน ด้วยเทคโนโลยี Adaptive Sound Pro ที่สามารถวิเคราะห์และแยกชั้นเสียงตามประเภทของคอนเทนต์ เช่น ภาพยนตร์ คอนเสิร์ต กีฬา หรือรายการโทรทัศน์ทั่วไป เพื่อปรับแต่งการนำเสนอเสียงให้เหมาะสมที่สุด
ในขณะที่ Active Voice Amplifier Pro จะเน้นปรับแต่งเสียงพูดให้มีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะในฉากที่มีเสียงรบกวนหรือเสียงพื้นหลังดังกลบเสียงสนทนา ช่วยให้ผู้ชมไม่พลาดทุกบทสนทนาสำคัญ แม้ในฉากที่มีเสียงประกอบซับซ้อน
"เราใช้เทคโนโลยี AI ในการแยกแยะเสียงพูดออกจากเสียงประกอบและเสียงดนตรี แล้วปรับระดับความดังและความชัดเจนของแต่ละองค์ประกอบเสียงอย่างแม่นยำ ทำให้ผู้ชมสามารถได้ยินทุกบทสนทนาได้อย่างชัดเจน โดยไม่สูญเสียบรรยากาศของเสียงประกอบอื่นๆ" วิศวกรด้านเสียงของซัมซุงเผย
ระบบยังสามารถตรวจจับเสียงรบกวนภายในห้อง เช่น เสียงพัดลม เครื่องปรับอากาศ หรือเสียงการจราจรจากภายนอก และปรับแต่งการนำเสนอเสียงเพื่อชดเชยสภาพแวดล้อมจริง ทำให้ประสบการณ์การรับฟังมีความสมบูรณ์แบบในทุกสภาวะ
5. Pet Care & Baby Care
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมและการตอบรับอย่างดีจากผู้ใช้ คือระบบการดูแลสัตว์เลี้ยงและเด็กเล็ก ที่ช่วยให้ผู้ปกครองหรือเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถตรวจสอบความเป็นอยู่ของคนที่พวกเขารักได้ตลอดเวลา แม้จะไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกัน
ด้วยเซ็นเซอร์ขั้นสูงที่ติดตั้งในตัวทีวี ระบบสามารถตรวจจับเสียงผิดปกติ เช่น เสียงเห่าของสุนัข เสียงร้องไห้ของเด็ก หรือเสียงร้องของแมว และจะส่งการแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ไปยังหน้าจอทีวี สมาร์ทโฟน หรือสมาร์ทวอทช์ของผู้ใช้ทันที
"เราได้พัฒนาระบบนี้โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมสัตว์และพัฒนาการเด็ก เพื่อให้การตรวจจับมีความแม่นยำสูงสุด และลดการแจ้งเตือนผิดพลาด ระบบสามารถแยกแยะระหว่างเสียงร้องปกติกับเสียงที่บ่งบอกถึงความเครียดหรือความไม่สบายได้" ผู้พัฒนาฟีเจอร์นี้กล่าว
นอกจากนี้ ในกรณีของผู้สูงอายุ ระบบยังสามารถตรวจจับการล้มหรือเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และส่งการแจ้งเตือนฉุกเฉินได้อีกด้วย ทำให้ครอบครัวมีความอุ่นใจมากขึ้นเมื่อต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านคนเดียว
6. Universal Gesture
ลืมรีโมตหรือแบตเตอรี่หมด ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ด้วยระบบควบคุมด้วยท่าทางขั้นสูงที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมทีวีได้โดยไม่ต้องใช้รีโมต เพียงแค่ใช้สมาร์ทวอทช์ Galaxy Watch เป็นตัวตรวจจับการเคลื่อนไหว
ระบบ Universal Gesture สามารถตรวจจับท่าทางที่หลากหลาย เช่น การบิดข้อมือเพื่อเลื่อนหน้าจอ การจีบมือเพื่อเลือกรายการ หรือการกำมือเพื่อย้อนกลับ ซึ่งทำให้การใช้งานทีวีเป็นไปอย่างสะดวกและเป็นธรรมชาติมากขึ้น
"เราต้องการให้การโต้ตอบกับทีวีเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติที่สุด Universal Gesture เป็นก้าวสำคัญในการลดช่องว่างระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี ทำให้การควบคุมอุปกรณ์เป็นไปได้อย่างง่ายดายและลื่นไหล" หัวหน้าทีมออกแบบ UX ของซัมซุงกล่าว
นอกจากนี้ ฟีเจอร์นี้ยังเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ใช้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงและควบคุมทีวีได้ง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาการออกแบบเพื่อทุกคน (Design for All) ของซัมซุง
7. Samsung Food
แอปพลิเคชันผู้ช่วยด้านอาหารอัจฉริยะที่ทำงานบนหน้าจอทีวี ซึ่งไม่เพียงแต่รวบรวมสูตรอาหารจากทั่วโลก แต่ยังใช้ AI วิเคราะห์และแนะนำเมนูที่เหมาะสมตามความชอบ ข้อจำกัดด้านอาหาร หรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในตู้เย็น
Samsung Food ยังมีข้อมูลโภชนาการอย่างละเอียด และสามารถคำนวณแคลอรี่หรือสารอาหารที่จะได้รับจากแต่ละเมนู พร้อมฟีเจอร์การวางแผนมื้ออาหารตลอดสัปดาห์ ที่ช่วยให้การเตรียมอาหารเป็นเรื่องง่ายและสนุกมากขึ้น
"ปัจจุบัน Samsung Food มีฐานข้อมูลสูตรอาหารมากกว่า 160,000 สูตรจากทั่วโลก และเรายังเพิ่มสูตรใหม่ๆ ทุกวัน นอกจากนี้ ระบบ AI ของเรายังสามารถแนะนำการปรับเปลี่ยนสูตรให้เหมาะกับความชอบหรือข้อจำกัดทางสุขภาพของแต่ละบุคคลได้อีกด้วย" ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ Samsung Food กล่าว
พิเศษสุดคือความสามารถในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ครัวอัจฉริยะของซัมซุง เช่น ตู้เย็น Family Hub หรือเตาอบอัจฉริยะ ทำให้สามารถส่งสูตรอาหารไปยังอุปกรณ์เหล่านั้นโดยตรง หรือควบคุมการทำอาหารผ่านทีวีได้อย่างสะดวกสบาย
8. Karaoke Mode
เติมเต็มความสนุกในบ้านด้วยโหมดคาราโอเกะที่เปลี่ยนทีวีให้กลายเป็นเวทีคอนเสิร์ตส่วนตัว โดยใช้สมาร์ทโฟนเป็นไมโครโฟนไร้สาย พร้อมเอฟเฟกต์เสียงระดับมืออาชีพที่ช่วยให้การร้องเพลงเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนานและน่าประทับใจ
ฟีเจอร์นี้รองรับการเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเพลงชั้นนำ ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงคลังเพลงขนาดใหญ่ได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ ระบบยังสามารถปรับแต่งเสียงร้องให้ดีขึ้นโดยอัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยี AI Voice Enhancement ที่ช่วยปรับแก้ความไม่สมบูรณ์ของเสียงร้อง
"Karaoke Mode ไม่ได้เป็นเพียงแค่ฟีเจอร์ความบันเทิง แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและเพื่อนฝูง เราเห็นว่าผู้ใช้หลายครอบครัวใช้ฟีเจอร์นี้ในการจัดงานปาร์ตี้หรือกิจกรรมสังสรรค์ในบ้าน ซึ่งช่วยสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกัน" ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของซัมซุงกล่าว
ครองใจผู้บริโภคด้วยคุณภาพที่เหนือกว่า
ความสำเร็จของซัมซุงในตลาดทีวีไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ปีที่ผ่านมา บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดในหลายเซ็กเมนต์สำคัญ ทั้งกลุ่มทีวีพรีเมียมที่ 49.6% กลุ่ม QLED ที่ 46.8% และกลุ่มทีวีจอใหญ่ขนาด 75 นิ้วขึ้นไปที่ 28.7% นอกจากนี้ ยอดขายทีวี OLED ทั่วโลกยังทะลุ 1.44 ล้านเครื่องในปี 2567 อีกด้วย
สิ่งที่น่าสนใจคือ ราคาเฉลี่ยของทีวีซัมซุงอยู่ที่ประมาณ 15,000 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาเฉลี่ยของตลาดที่อยู่ราว 10,000 บาท แต่ทำไมผู้บริโภคจึงยังเลือกที่จะจ่ายแพงกว่า?
ชวพจน์ เทียนทอง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด อธิบายว่า "ปัจจัยหลักไม่ได้มาจากการตั้งราคาที่สูง แต่เป็นเพราะลูกค้ายินดีจ่ายเพิ่มเพื่อได้รับคุณภาพและประสบการณ์ที่ดีกว่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคในปัจจุบันมีความเข้าใจในความสัมพันธ์ระหว่างราคาและคุณภาพ และพร้อมที่จะลงทุนกับสินค้าที่มอบคุณค่าเพิ่ม (value added) ให้กับพวกเขา"
ในความเป็นจริง ผู้บริโภคไม่ได้มองว่าทีวีเป็นเพียงอุปกรณ์สำหรับรับชมรายการเท่านั้น แต่เป็นศูนย์กลางความบันเทิงและการเชื่อมต่อภายในบ้าน ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงพิจารณาถึงประโยชน์ใช้สอยที่หลากหลาย ความทนทาน และเทคโนโลยีล้ำสมัยที่จะช่วยให้การลงทุนคุ้มค่าในระยะยาว
ปรับกลยุทธ์รับมือเศรษฐกิจท้าทาย
แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะยังคงมีความท้าทาย แต่ซัมซุงไม่หยุดนิ่งในการปรับกลยุทธ์เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป หนึ่งในนั้นคือการเปิดตัวโปรแกรม "Samsung Finance Plus" ที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเป็นเจ้าของทีวีพรีเมียมได้ง่ายขึ้น ด้วยเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ยืดหยุ่น
"Samsung Finance Plus เป็นโปรแกรมที่เราออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในยุคที่ทุกคนต้องระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ด้วยจุดเด่นคือการดาวน์น้อยและระยะเวลาผ่อนชำระที่ยาวนานกว่า ทำให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับพรีเมียมได้โดยไม่กระทบต่องบประมาณรายเดือนมากนัก" ผู้บริหารฝ่ายการเงินของไทยซัมซุงกล่าว
การขยายโปรแกรมนี้มาสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ทีวี แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในสภาวะตลาด และความพยายามในการทำให้สินค้าระดับพรีเมียมเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดในการรักษาส่วนแบ่งตลาดและกระตุ้นการเติบโตในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว
เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค: เปลี่ยนบ่อยขึ้น เน้นคุณภาพมากขึ้น
พฤติกรรมการเลือกซื้อทีวีของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่มักเปลี่ยนทีวีเมื่อเครื่องเก่าเสียหรือชำรุด แต่ปัจจุบันผู้บริโภคเปลี่ยนทีวีเพราะต้องการคุณภาพหรือฟีเจอร์ที่ดีขึ้น แม้ว่าเครื่องเก่ายังใช้งานได้ดีอยู่
ที่น่าสนใจคือ ระยะเวลาการเปลี่ยนทีวีของผู้บริโภคลดลงอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยใช้ทีวีเครื่องเดิมนานถึง 7-8 ปี ปัจจุบันลดลงเหลือเพียงประมาณ 4 ปีเท่านั้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และการยกระดับประสบการณ์การรับชมอยู่เสมอ
"เรามองว่าตลาดทดแทนเครื่องเก่ายังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก เพราะผู้บริโภคให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสบการณ์การใช้งานมากขึ้น พวกเขาพร้อมที่จะอัปเกรดอุปกรณ์เมื่อมีเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถยกระดับไลฟ์สไตล์ของพวกเขาได้" ชวพจน์กล่าวเพิ่มเติม
บทสรุป: ทีวีในฐานะศูนย์กลางบ้านอัจฉริยะ
ในโลกที่ทีวีกำลังเปลี่ยนบทบาทจากอุปกรณ์รับชมธรรมดาไปสู่การเป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจและตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างลึกซึ้ง ซัมซุงในฐานะผู้นำตลาดที่ยึดมั่นในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างแท้จริง ได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและความเข้าใจในเทรนด์ของอนาคต
"วิสัยทัศน์ของเราคือการเปลี่ยนทีวีให้เป็นมากกว่าอุปกรณ์รับชม แต่เป็นศูนย์กลางของบ้านอัจฉริยะที่เชื่อมโยงทุกอุปกรณ์ ทุกประสบการณ์ และทุกความต้องการเข้าด้วยกัน เพื่อมอบคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้ใช้งาน" ผู้บริหารระดับสูงของซัมซุงกล่าวสรุป
Samsung Vision AI จึงไม่ใช่เพียงการนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย แต่เป็นการตอกย้ำปรัชญาของซัมซุงที่ว่า "เทคโนโลยีที่ดีที่สุดคือเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น" และนี่อาจเป็นคำตอบที่ชัดเจนว่า ทำไมทีวีของซัมซุงจึงยังครองใจผู้บริโภค และทำไมพวกเขาจึงยินดีจ่ายในราคาที่สูงกว่าเพื่อแลกกับคุณค่าที่มากกว่า
ในยุคที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซัมซุงได้แสดงให้เห็นว่า การก้าวทันเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่การเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้งานและการมุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในทุกมิติต่างหาก ที่จะทำให้แบรนด์ยังคงยืนหยัดอยู่ในใจผู้บริโภคได้อย่างยาวนาน