อดีตครูคอมพิวเตอร์เกษียณก่อนกำหนด ผันตัวสู่เกษตรกรผู้ปลูก 'เมล่อนออร์แกนิค' รายแรกของจังหวัดอ่างทอง
ท่ามกลางสวนเขียวขจีในอำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทองมีพื้นที่ 3 ไร่ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและแรงบันดาลใจของนายกนก แสงสว่าง อายุ 62 ปี อดีตครูสอนคอมพิวเตอร์โรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาที่ตัดสินใจเกษียณอายุก่อนกำหนดเพื่อหันมาดำเนินธุรกิจส่วนตัวอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะผันตัวสู่การเป็นเกษตรกรผู้ปลูกเมล่อนออร์แกนิคเจ้าแรกของจังหวัด ซึ่งได้ดำเนินกิจการมานานกว่า 9 ปีภายใต้ชื่อ "สวนแสงเทียน"
จุดเริ่มต้นจากข้าวไรซ์เบอร์รี่สู่เมล่อนออร์แกนิค
นายกนกเล่าย้อนถึงจุดเริ่มต้นว่า หลังจากเกษียณจากอาชีพครูและทำธุรกิจส่วนตัวมาระยะหนึ่ง เขาได้ตัดสินใจหันมาทำการเกษตรบนพื้นที่ 3 ไร่ของตน โดยเริ่มแรกได้ทดลองปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิคเพื่อจำหน่าย แต่เมื่อราคาข้าวในตลาดเริ่มตกต่ำลง กลุ่มเพื่อนเกษตรกรจึงแนะนำให้เขาลองปลูกเมล่อนออร์แกนิคแทน ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคที่รักสุขภาพ
"ตอนนั้นผมมองหาพืชทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าข้าว และเมล่อนออร์แกนิคดูเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แม้จะต้องลงทุนมากขึ้นและต้องเรียนรู้เทคนิคการปลูกใหม่ทั้งหมด แต่ผมก็ตัดสินใจลองดู" นายกนกเล่าด้วยรอยยิ้ม
มาตรฐานออร์แกนิคที่ได้รับการรับรอง
ด้วยความมุ่งมั่นในการผลิตเมล่อนคุณภาพดีปลอดสารพิษ สวนแสงเทียนจึงได้ดำเนินการขอรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์อย่างเป็นทางการ จนกระทั่งในปี 2558 ได้รับการรับรองมาตรฐาน ORGANIX จากกรมวิชาการเกษตร นับเป็นสวนเมล่อนออร์แกนิคแห่งแรกในจังหวัดอ่างทองที่ได้รับการรับรองดังกล่าว
การได้รับมาตรฐานนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเป็นการยืนยันถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ การเตรียมดิน การดูแลต้นกล้า การจัดการศัตรูพืชโดยไม่ใช้สารเคมี ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ต้องทำด้วยความประณีตเพื่อให้ได้เมล่อนที่มีคุณภาพสูงสุด
"การทำเกษตรออร์แกนิคต้องมีความอดทนสูงมาก เพราะผลผลิตอาจจะไม่สวยสมบูรณ์แบบเหมือนการใช้สารเคมี แต่สิ่งที่เราได้คือผลผลิตที่ปลอดภัยทั้งต่อผู้บริโภค ผู้ผลิต และสิ่งแวดล้อม" นายกนกกล่าว
ปรับตัวสู่การขายออนไลน์ในยุคโควิด-19
เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ธุรกิจของสวนแสงเทียนก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ด้วยประสบการณ์ด้านคอมพิวเตอร์จากอาชีพครูในอดีต นายกนกจึงสามารถปรับตัวเข้าสู่การขายผ่านช่องทางออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยเน้นการขายผ่านเพจเฟซบุ๊ก "สวนแสงเทียน" เป็นหลัก
"ช่วงโควิดเป็นช่วงที่ยากลำบาก แต่ก็ทำให้เราได้เรียนรู้วิธีการใหม่ๆ ในการเข้าถึงลูกค้า การขายออนไลน์ช่วยให้เราสามารถส่งเมล่อนสดใหม่ตรงจากสวนไปถึงมือผู้บริโภคได้โดยตรง โดยไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง" นายกนกอธิบาย
ปัจจุบัน สวนแสงเทียนจำหน่ายเมล่อนออร์แกนิคในราคากิโลกรัมละ 130 บาท พร้อมนโยบายแบ่งเบาภาระค่าขนส่งโดยช่วยลูกค้าออกครึ่งหนึ่ง เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วประเทศสามารถเข้าถึงเมล่อนออร์แกนิคคุณภาพดีได้ในราคาที่เหมาะสม
ธุรกิจครอบครัวที่ส่งเสริมความยั่งยืน
การดำเนินงานของสวนแสงเทียนเป็นธุรกิจครอบครัวอย่างแท้จริง โดยมีสมาชิกเพียง 4 คน ประกอบด้วยพ่อ แม่ และลูก ช่วยกันดูแลทุกขั้นตอนตั้งแต่การปลูก การดูแล การเก็บเกี่ยว ไปจนถึงการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า
นอกจากการปลูกเมล่อนแล้ว ครอบครัวของนายกนกยังให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยปลูกป่าต้นไม้เป็นแนวกันชนโดยรอบพื้นที่สวน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันการปนเปื้อนจากภายนอก แต่ยังเป็นการสร้างระบบนิเวศที่สมดุลและยั่งยืนภายในสวนอีกด้วย
"เราเชื่อในหลักการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การปลูกต้นไม้รอบสวนช่วยให้เรามีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ มีแมลงที่เป็นประโยชน์มาช่วยผสมเกสรและควบคุมศัตรูพืชโดยธรรมชาติ" นายกนกกล่าว
แหล่งเรียนรู้และการแบ่งปันประสบการณ์
ด้วยประสบการณ์กว่า 9 ปีในการปลูกเมล่อนออร์แกนิค สวนแสงเทียนจึงกลายเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับเกษตรกรรายอื่นๆ ที่สนใจจะหันมาทำเกษตรอินทรีย์ นายกนกยินดีให้คำปรึกษาและแบ่งปันความรู้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาศึกษาดูงาน
"ผมเชื่อว่าความรู้และประสบการณ์ไม่ควรเก็บไว้คนเดียว การแบ่งปันจะช่วยให้วงการเกษตรอินทรีย์ของไทยเติบโตขึ้นและแข็งแรงขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและผู้บริโภคในระยะยาว" นายกนกกล่าวทิ้งท้าย
สำหรับผู้ที่สนใจจะลิ้มลองเมล่อนออร์แกนิคจากสวนแสงเทียน สามารถติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก "สวนแสงเทียน" หรือโทรสอบถามได้ที่เบอร์ 098-2737995 และ 081-7352532 โดยทางสวนมีนโยบายรับประกันคุณภาพ หากไม่เป็นไปตามที่โฆษณาไว้ยินดีเปลี่ยนให้ใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เรื่องราวของนายกนก แสงสว่าง เป็นตัวอย่างที่ดีของการปรับตัวและกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่ จากอาชีพครูสู่การเป็นเกษตรกรผู้บุกเบิกการปลูกเมล่อนออร์แกนิคในจังหวัดอ่างทอง แสดงให้เห็นว่าความมุ่งมั่น ความอดทน และความใส่ใจในคุณภาพ สามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้ในทุกสาขาอาชีพ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคมากมายก็ตาม