เปิดตัวแบรนด์ใหม่กลางใจสยามสแควร์ เป้าหมายขยายอาณาจักรสู่ 18 แบรนด์ภายในปี 2568
วงการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเกิดความเคลื่อนไหวครั้งใหม่ เมื่อ "เครือรวยไม่หยุดกรุ๊ป" ประกาศเปิดตัวแบรนด์ชานมและชาผลไม้แห่งใหม่ "CHAGO" (ชาโก้) โดยความพิเศษในครั้งนี้คือการดึง "ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์" นักแสดงสาวดาวรุ่งจากซีรีส์แซฟฟิกที่สร้างปรากฏการณ์คู่จิ้น "หลิง-ออม" ให้โด่งดังระดับนานาชาติ เข้ามาเป็นหุ้นส่วนในธุรกิจแห่งนี้
การเปิดตัว CHAGO นับเป็นการเคลื่อนไหวสำคัญในแผนการขยายธุรกิจของเครือรวยไม่หยุด ที่มีเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนแบรนด์จาก 9 แบรนด์เดิมเป็น 18 แบรนด์ภายในปี 2568 ด้วยกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่หลากหลาย
ประวัติความสำเร็จของเครือรวยไม่หยุด
เครือรวยไม่หยุดกรุ๊ป ภายใต้การนำของ "เกศ-ชุติมา เปรื่องเมธางกูร" และ "แนท-นันทนัช เอื้อศิริทรัพย์" ได้ก่อตั้งขึ้นและพัฒนาเป็นหนึ่งในเครือธุรกิจอาหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในประเทศไทย จากการเริ่มต้นด้วยร้าน "Fire Tiger" ร้านปิ้งย่างเกาหลีที่สร้างกระแสและความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ปัจจุบันเครือรวยไม่หยุดมีแบรนด์ในเครือทั้งหมด 9 แบรนด์ ประกอบด้วย:
- nice 2 meat U - ร้านสเต็กและเนื้อย่าง
- Fire Tiger - ร้านปิ้งย่างเกาหลี
- Mil Toast House - ร้านโทสต์และเครื่องดื่ม
- Juicy Bunny - ร้านน้ำผลไม้สด
- Happy Pig - ร้านหมูกะทะและบาร์บีคิว
- Dosan Dalmatian - ร้านอาหารเกาหลี
- Sundububu - ร้านเต้าหู้เกาหลี
- EBOMB - ร้านอาหารฟิวชัน
- หมูกระทะคนรวย - ร้านหมูกะทะสไตล์ไทย
ความสำคัญของทำเลสยามสแควร์
สยามสแควร์ซอย 3 ถือเป็น "บ้านเกิด" ของอาณาจักรรวยไม่หยุด โดย เกศ-ชุติมา ให้ความเห็นว่า แม้สยามสแควร์จะเปลี่ยนแปลงไปมากจากอดีต กลุ่มลูกค้าหลักเปลี่ยนเป็นวัยรุ่นและนักเรียนมากขึ้น แต่ความสะดวกในการเดินทางและความหลากหลายของกลุ่มลูกค้าทำให้พวกเขายังคงมั่นใจที่จะใช้สยามสแควร์เป็นฐานในการเปิดสาขาแรกของทุกแบรนด์
"ทุกวันนี้สยามไม่เหมือนเดิมแล้ว ผู้คนที่มาเดินเปลี่ยนไปมาก กลุ่มคนที่มาอายุน้อยลงเรื่อยๆ แต่เรายืนยันจะยังปักหมุดสาขาแรกของทุกแบรนด์ย่านสยามสแควร์เหมือนเดิม" เกศ-ชุติมา กล่าว
การเลือกสยามสแควร์เป็นศูนย์กลางนั้น มาจากการมองเห็นถึงความหลากหลายของกลุ่มลูกค้า ตั้งแต่เด็กนักเรียนที่มาเรียนพิเศษ พ่อแม่ที่มารอรับลูก และวัยทำงานที่มาเดินช้อปปิ้ง ทำให้เป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลาย
การเกิดขึ้นของ CHAGO และการเข้าร่วมของออม-กรณ์นภัส
CHAGO เป็นแบรนด์ชานมและชาผลไม้แห่งใหม่ที่เปิดให้บริการที่ Siam Square One ในพื้นที่เดิมของ Fire Tiger ที่ถูกย้ายไปรวมกับสาขา Siam Square Block I เพื่อปรับพอร์ตให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด
ความพิเศษของ CHAGO คือการดึง ออม-กรณ์นภัส เศรษฐรัตนพงศ์ เข้ามาเป็นหุ้นส่วน ออม-กรณ์นภัส เป็นนักแสดงสาวที่แจ้งเกิดจากซีรีส์แซฟฟิก และสร้างปรากฏการณ์คู่จิ้น "หลิง-ออม" ที่โด่งดังระดับนานาชาติ การที่เธอเข้ามาเป็นหุ้นส่วนนับเป็นการผสมผสานระหว่างความเชี่ยวชาญทางธุรกิจของเครือรวยไม่หยุดกับความนิยมและฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งของดาราดังคนนี้
การตัดสินใจเลือกออม-กรณ์นภัสเป็นหุ้นส่วนนั้น สะท้อนถึงการมองการณ์ไกลของเครือรวยไม่หยุดในการใช้กำลังของเซเลบริตี้และอิทธิพลของสื่อสังคมออนไลน์เพื่อสร้างการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์
เมนูและราคาของ CHAGO
CHAGO นำเสนอเมนูหลักเป็น "ชานม" และ "ชาผลไม้" ด้วยราคาที่อยู่ในระดับกลาง เริ่มต้นที่ 60 บาท ไปจนถึง 165 บาท เพื่อให้เข้าถึงได้ทุกกลุ่มอายุ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าหลักในย่านสยามสแควร์
หึ่งในเมนูที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือ "ชาองุ่นปั่นครีมชีส" ที่ผสมผสานรสชาติหวานมันของครีมชีสกับความสดชื่นของชาองุ่น สร้างความแปลกใหม่และน่าสนใจให้กับลูกค้า
การกำหนดราคาในระดับดังกล่าวสะท้อนถึงปรัชญาของเครือรวยไม่หยุดที่มุ่งเน้นการให้บริการอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อจำกัด
แผนการขยายธุรกิจปี 2568
เครือรวยไม่หยุดมีแผนการขยายธุรกิจอย่างกว้างขวางในปี 2568 โดยจะเพิ่มแบรนด์ใหม่อีก 9 แบรนด์ เพื่อให้ครบ 18 แบรนด์ตามเป้าหมาย แบรนด์ใหม่ที่จะเปิดตัวภายในปีนี้ ประกอบด้วย:
แบรนด์อาหารไทย
- เกศเตี๋ยว - ร้านก๋วยเตี๋ยวสไตล์ไทย
- เกศเตี๋ยวป๊อกป๊อก & ต้มยำ - ร้านก๋วยเตี๋ยวและต้มยำพิเศษ
- ข้าวแกง & ปลาทู - ร้านอาหารไทยโฮมสไตล์
แบรนด์อาหารเกาหลีพรีเมียม
- Cheong Dam - ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียมที่สยามพารากอน
- Hannam - ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียมที่ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค
แบรนด์เบเกอรีและก๋วยเตี๋ยวเกาหลี
- Standard Bun - แฟรนไชส์เบเกอรีจากเกาหลี
- Daelim Korean Noodle - ร้านก๋วยเตี๋ยวเกาหลีที่สยามสแควร์
แบรนด์อาหารญี่ปุ่น
- ร้านสไตล์ซูชิแอนด์อิซากายะ - เปิดสาขาแรกที่ Siam Square Block I
กลยุทธ์การปรับตัวตามสภาพเศรษฐกิจ
เกศ-ชุติมา เปิดเผยถึงกลยุทธ์การปรับตัวของเครือรวยไม่หยุดเพื่อรับมือกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยมุ่งเน้นการขายสินค้าในราคาที่ไม่แพงเกินไป และสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าในทุกระดับ
"เรามุ่งเน้นการสร้างร้านที่เด็กๆ นักเรียนนักศึกษาเข้าถึงได้ คนทำงานเข้ามากินแล้วรู้สึกถึงความคุ้มค่า" เกศ กล่าว โดยเฉพาะในกรณีของร้านอิซากายะใหม่ที่จะเปิด ที่มุ่งเน้นให้เป็น "อาหารญี่ปุ่นที่มีรสชาติมากขึ้น ฟิวชันมากขึ้น มีสองแบงก์แดงก็เข้ามากินได้"
การปรับกลยุทธ์นี้สะท้อนถึงความเข้าใจลึกซึ้งของเครือรวยไม่หยุดต่อสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายที่ระมัดระวังมากขึ้น และต้องการคุณค่าที่คุ้มราคา
แนวคิดการสร้างฮับแบรนด์รวม
นอกจากการขยายจำนวนแบรนด์แล้ว เครือรวยไม่หยุดยังมีแนวคิดในการสร้าง "ฮับ" ที่รวมหลายแบรนด์ไว้ในตึกเดียวกัน เพื่อสร้างความหลากหลายและดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น
ตัวอย่างของแนวคิดนี้คือการรวม Fire Tiger เข้ากับสาขา Siam Square Block I และในอนาคตตึกสามคูหาที่เป็นที่ตั้งเดิมของ Fire Tiger จะเพิ่มแบรนด์อื่นๆ ในเครือเข้าไปอยู่รวมกัน
การสร้างฮับแบรนด์รวมนี้ มีข้อดีหลายประการ ทั้งการลดต้นทุนในการเช่าพื้นที่ การสร้างจุดดึงดูดที่หลากหลายสำหรับลูกค้า และการสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งและรับประทานอาหารที่ครบครันในที่เดียว
ผลกระทบของความร่วมมือกับเซเลบริตี้
การดึงออม-กรณ์นภัสเข้ามาเป็นหุ้นส่วนใน CHAGO นับเป็นก้าวสำคัญในการใช้พลังของเซเลบริตี้เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ ออม-กรณ์นภัสที่มีชื่อเสียงจากซีรีส์แซฟฟิกและมีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่งทั้งในและต่างประเทศ จะช่วยเพิ่มการรับรู้และความน่าเชื่อถือให้กับ CHAGO
ปรากฏการณ์คู่จิ้น "หลิง-ออม" ที่สร้างความดังไปทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมป๊อปไทยในเวทีโลก การที่เครือรวยไม่หยุดเลือกที่จะร่วมมือกับออม-กรณ์นภัส จึงเป็นการใช้ประโยชน์จากกระแสความนิยมนี้เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ
นอกจากนี้ การมีเซเลบริตี้เป็นหุ้นส่วนยังสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ในตลาดชานมที่มีการแข่งขันสูง และอาจเป็นจุดขายที่สำคัญในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่มแฟนคลับของออม-กรณ์นภัส
ความท้าทายในตลาดชานม
ตลาดชานมในประเทศไทยมีการแข่งขันที่รุนแรง ด้วยแบรนด์ชั้นนำหลายแห่งทั้งจากไทยและต่างประเทศ เช่น ChaTraMue, Gong Cha, Tiger Sugar และ Tealive ที่มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและประสบการณ์ในตลาดมายาวนาน
CHAGO จึงต้องสร้างจุดแข็งและความแตกต่างของตนเองเพื่อสามารถแข่งขันได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ราคาที่เข้าถึงได้ การบริการที่ประทับใจ หรือการใช้พลังของเซเลบริตี้เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์
การเลือกทำเลที่ตั้งในสยามสแควร์ซึ่งเป็นย่านที่มีผู้คนสัญจรหนาแน่น อาจเป็นข้อได มหาสำคัญในการสร้างการรับรู้และความคุ้นเคยกับแบรนด์ในระยะเริ่มต้น
แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
ผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จ เช่น เครือรวยไม่หยุด จึงต้องมีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ การขยายช่องทางการจำหน่าย การใช้เทคโนโลยี หรือการสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้า
การที่เครือรวยไม่หยุดตัดสินใจขยายจำนวนแบรนด์จาก 9 เป็น 18 แบรนด์ภายในปีเดียว แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในศักยภาพของตลาดและความสามารถในการบริหารจัดการของทีมงาน
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงาน
การขยายธุรกิจของเครือรวยไม่หยุดส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในหลายระดับ ทั้งการสร้างการจ้างงานใหม่ การกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ และการส่งเสริมการท่องเที่ยว
การเปิดแบรนด์ใหม่ 9 แห่งภายในปี 2568 จะส่งผลให้เกิดการจ้างงานใหม่จำนวนมาก ทั้งในส่วนของพนักงานประจำร้าน พ่อครัว นักการตลาด และเจ้าหน้าที่สนับสนุนต่างๆ
นอกจากนี้ การที่เครือรวยไม่หยุดเลือกใช้สยามสแควร์เป็นฐานหลัก ยังช่วยสร้างความคึกคักและดึงดูดนักท่องเที่ยวมาใช้บริการในย่านนี้ ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจอื่นๆ ในพื้นที่ด้วย
บทสรุปและแนวโน้มอนาคต
การเปิดตัว CHAGO และแผนการขยายธุรกิจของเครือรวยไม่หยุดสะท้อนถึงความมั่นใจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการเติบโตอย่างยั่งยืน การผสมผสานระหว่างประสบการณ์ทางธุรกิจที่มั่นคง กับการใช้พลังของเซเลบริตี้และสื่อสังคมออนไลน์ เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจและมีศักยภาพในการสร้างความแตกต่าง
ความสำเร็จของ CHAGO จะเป็นตัวชี้วัดสำคัญถึงประสิทธิภาพของกลยุทธ์นี้ และอาจเป็นแบบอย่างสำหรับแบรนด์อื่นๆ ในเครือรวยไม่หยุดที่จะเปิดตัวในอนาคต
การมุ่งเน้นให้บริการอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมกับการสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจให้กับลูกค้า จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันในตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ในระยะยาว หากเครือรวยไม่หยุดสามารถบรรลุเป้าหมายการมี 18 แบรนด์ภายในปี 2568 ได้สำเร็จ จะทำให้กลุ่มบริษัทนี้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่สำคัญของประเทศ และอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเติบโตที่ยั่งยืนต่อไป