ยอดขายอาหารฝืดเศรษฐกิจชะลอ "เอ็มเค กรุ๊ป" ปฏิวัติกลยุทธ์ใหม่ ขยายเมนูสู่รูปแบบผัดแห้ง พร้อมบริการมีพนักงานผัดให้กินถึงโต๊ะ

ในขณะที่ตลาดอาหารไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือที่รู้จักกันในนาม "MK Group" ได้ออกกลยุทธ์ใหม่อย่างกล้าหาญด้วยการเปิดตัวเมนู "สุกี้ผัดแห้งเอ็มเค" เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ซึ่งถือเป็นการปฏิวัติรูปแบบการให้บริการจากหม้อต้มสุกี้แบบดั้งเดิมสู่การผัดแห้งด้วยหม้อแดงสัญลักษณ์ของเอ็มเค

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากจุดเริ่มต้นที่แตกต่าง

"สุกี้ผัดแห้งเอ็มเค" เป็นนวัตกรรมที่ท้าทายแนวคิดเดิมของสุกี้หม้อต้มที่เอ็มเคเป็นผู้นำตลาดมากว่า 40 ปี โดยเมนูใหม่นี้จะใช้หม้อแดงสัญลักษณ์เดียวกัน แต่เปลี่ยนวิธีการปรุงจากการต้มเป็นการผัดแห้ง พร้อมด้วยบริการพิเศษที่มีพนักงานมาผัดให้ลูกค้ากินถึงโต๊ะ ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ใหม่ที่ผสมผสานระหว่างความคุ้นเคยและความแปลกใหม่

จุดเด่นสำคัญของเมนูใหม่นี้อยู่ที่ "น้ำจิ้มสุกี้ผัดแห้ง" ซึ่งเป็นสูตรพิเศษที่ถูกคิดค้นขึ้นใหม่เฉพาะสำหรับเมนูผัดแห้ง แตกต่างจากน้ำจิ้มสุกี้แบบดั้งเดิมที่ใช้กับหม้อต้ม การพัฒนาสูตรน้ำจิ้มใหม่นี้ใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนาหลายเดือน เพื่อให้ได้รสชาติที่เข้ากันกับการผัดแห้งและยังคงเอกลักษณ์ของเอ็มเคไว้

ตัวเลือกเมนูหลากหลายตอบสนองทุกรสนิยม

เอ็มเคได้เตรียมเมนู "สุกี้ผัดแห้งเอ็มเค" ไว้ให้เลือก 3 ชุดหลัก ประกอบด้วย สุกี้ผัดแห้งหม้อแดงหมู สุกี้ผัดแห้งหม้อแดงเนื้อ และสุกี้ผัดแห้งหม้อแดงทะเล โดยแต่ละชุดมีราคาเริ่มต้นที่ 199 บาท สามารถให้บริการลูกค้าได้ 2 คน การกำหนดราคาในระดับนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ของเอ็มเคในการสร้างความคุ้มค่าให้กับลูกค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของบริษัทในปีนี้

เมนูใหม่นี้จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้และต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2568 รวมระยะเวลา 3 เดือนเต็ม ซึ่งเป็นการทดลองตลาดในช่วงแรกเพื่อประเมินการตอบรับจากลูกค้าและความเป็นไปได้ในการขยายผลในระยะยาว

ท้าทายในตลาดอาหารที่เปลี่ยนแปลง

การเปิดตัวเมนูใหม่ของเอ็มเคเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดอาหารไทยกำลังเผชิญความท้าทายหลายประการ จากข้อมูลผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2568 พบว่า ยอดขายของเอ็มเค กรุ๊ป มีการลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า แม้ว่าในปี 2567 บริษัทจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นประมาณ 17% จากปีก่อนหน้า

สถานการณ์นี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นเมื่อเอ็มเคต้องเผชิญการแข่งขันที่รุนแรงจากคู่แข่งหลักอย่าง "สุกี้ตี๋น้อย" ซึ่งในปี 2567 สามารถทำยอดขายได้ 7,075 ล้านบาท และในไตรมาสแรกของปี 2568 ตี๋น้อยสามารถทำกำไรแซงหน้าเอ็มเคได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ซึ่งถือเป็นสัญญาณเตือนสำคัญสำหรับผู้นำตลาดสุกี้อย่างเอ็มเค

วิเคราะห์สถานการณ์ตลาดอาหารปัจจุบัน

ผู้บริหารของเอ็มเค กรุ๊ป ได้ให้ความเห็นว่า ธุรกิจอาหารในปี 2568 นี้ไม่ค่อยสดใสนัก มีการเติบโตที่ไม่มากเท่าที่ควร ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมนี้ ปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ การแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้นจากผู้เล่นรายใหม่และแบรนด์คู่แข่งที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่

พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไป โดยให้ความสำคัญกับความคุ้มค่ามากขึ้น และมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากกว่าเดิม นอกจากนี้ ตลาดอาหารริมทางและสตรีทฟู้ดที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างการแข่งขันให้กับร้านอาหารประเภทนั่งกินอย่างเอ็มเค

กลยุทธ์สามเสาหลักของเอ็มเคปี 2568

เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทาย เอ็มเค กรุ๊ป ได้วางกลยุทธ์หลักในการทำตลาดปีนี้ออกเป็น 3 เสาหลัก

เสาที่หนึ่ง คือ การสร้างความคุ้มค่าและประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า โดยไม่เพียงแต่มุ่งเน้นที่ราคาถูกเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างคุณค่าเพิ่มในรูปแบบของประสบการณ์การรับประทานอาหารที่แตกต่างและน่าจดจำ การเปิดตัวเมนู "สุกี้ผัดแห้ง" พร้อมบริการผัดให้ถึงโต๊ะก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างของกลยุทธ์นี้

เสาที่สอง คือ การทำตลาดแบบ "Segmentation" หรือการแบ่งกลุ่มลูกค้าเป็นเซกเมนต์ต่างๆ เพื่อนำข้อมูลดังกลาวมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่ม พร้อมทั้งสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว แทนการทำตลาดแบบครอบจักรวาลเหมือนเดิม

เสาที่สาม คือ การทำให้ลูกค้าเข้าถึงความคุ้มค่าและคุณภาพของสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น ทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงการปรับปรุงระบบการสั่งอาหาร การชำระเงิน และการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

การขยายธุรกิจในรูปแบบใหม่

นอกจากการเปิดตัวเมนูสุกี้ผัดแห้งแล้ว เอ็มเค กรุ๊ป ยังได้ขยายการดำเนินธุรกิจในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการเข้าสู่ตลาดรีเทลอย่างจริงจัง ผ่านการขายน้ำจิ้มสุกี้เอ็มเคในรูปแบบผลิตภัณฑ์บรรจุขวด ชุดสุกี้ลูกชิ้นรวมมิตรสำหรับทำที่บ้าน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

การขยายสู่ธุรกิจรีเทลนี้เป็นการกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพิงรายได้จากร้านอาหารเพียงอย่างเดียว และยังช่วยเสริมสร้างการรับรู้แบรนด์ให้แพร่หลายมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่ต้องการทำอาหารที่บ้านแต่ยังต้องการรสชาติเอ็มเคที่คุ้นเคย

การปรับโมเดลธุรกิจสู่บุฟเฟต์

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่เอ็มเคได้ดำเนินการคือ การขยายรูปแบบบุฟเฟต์ให้มากขึ้น ซึ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ต้องการความคุ้มค่าในการรับประทานอาหาร โดยสามารถเลือกรับประทานได้ไม่จำกัดในราคาคงที่ รูปแบบบุฟเฟต์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่