Guestpost โฟสฟรี ถ้าคุณมีสาระดีๆ ที่นี่เราให้คุณได้แบ่งปัน

Notifications
Clear all

Barbara Corcoran เผยเคล็ดลับความสำเร็จ: ผู้นำที่ดีต้องทำงานเพื่อพนักงาน

1 Posts
1 Users
0 Reactions
20 Views
supachai
(@supachai)
Posts: 5299
Illustrious Member
Topic starter
 

อีกหนึ่งผู้นำหญิงที่ประสบความสำเร็จสูงและน่าจับตามองในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คงหนีไม่พ้นชื่อของ 'บาร์บาร่า คอร์โคแรน' (Barbara Corcoran) ผู้ก่อตั้ง The Corcoran Group และผู้อำนวยการบริหารรายการ "Shark Tank" ของ ABC และเป็นหนึ่งใน Shark ของรายการด้วย

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก Barbara Corcoran ประสบความสำเร็จทั้งในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายและมหาวิทยาลัย เธอได้งานทำถึง 20 งานเมื่ออายุได้ 23 ปี ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในสหรัฐ

จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอคือตอนที่เธอกู้เงิน 1,000 ดอลลาร์และลาออกจากงานเสิร์ฟอาหาร เพื่อเริ่มต้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์เล็กๆ ในนิวยอร์กซิตี้ ชื่อว่า The Corcoran Group ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นแบรนด์ธุรกิจนายหน้าอสังหาฯ ที่ใหญ่ที่สุดและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในสหรัฐ

ไม่เพียงเท่านั้น คอร์โคแรน ยังเป็นนักเขียนหนังสือขายดีเรื่อง "Shark Tales: How I Turned $1,000 into a Billion Dollar Business!" และยังเป็นพิธีกรรายการพอดแคสต์ธุรกิจชั้นนำเรื่อง "Business Unusual with Barbara Corcoran" อีกด้วย นอกจากการเป็นนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จแล้ว เธอยังเป็นวิทยากรที่สร้างแรงบันดาลใจ เธอเป็นผู้มีส่วนสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กและอสังหาริมทรัพย์ในเครือข่ายหลักทุกเครือข่ายบ่อยครั้ง

ผู้นำหญิงแกร่ง แนะ เคล็ดลับของการเป็นผู้นำที่ดีว่า ต้องทำงานเพื่อพนักงาน

ล่าสุด เธอได้ให้คำแนะนำที่มีคุณค่าที่สุดอย่างหนึ่งผ่านวิดีโอ TikTok ที่เธอโพสต์เมื่อเดือนมีนาคม 2025 ที่ผ่านมาว่า หัวหน้าที่ดีต้องยึดกฎเหล็กข้อหนึ่งไว้เสมอ นั่นคือ "ฉันทำงานเพื่อคุณ ไม่ใช่คุณทำงานเพื่อฉัน"

คอร์โคแรนในวัย 76 ปี บอกว่า แนวคิดนี้คือปรัชญาที่เธอยึดมั่นมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทในปี 1973 จนกระทั่งขายกิจการไปในปี 2001 ด้วยมูลค่า 66 ล้านดอลลาร์ โดยบอกว่า "ฉันคิดแบบนี้มาตลอดชีวิตเลยนะ ฉันมักจะคิดว่าฉันจะช่วยอะไรพนักงานได้บ้าง? จะทำให้พวกเขาทำงานง่ายขึ้นยังไง? พวกเขาชอบทำอะไร? หรืออยากเปลี่ยนไปทำอะไร?"

แม้จะฟังดูขัดกับความจริงที่ว่า พนักงานทำงานให้หัวหน้า แต่สิ่งที่เธอแนะนำนั้นใกล้เคียงกับแนวคิดของการเป็น "ผู้นำที่รับใช้ผู้อื่น" (Servant Leadership) ซึ่งหมายถึง ผู้นำที่มุ่งสร้างความสำเร็จให้ทีมพอๆ กับตัวเอง เพราะเธอเชื่อว่า หัวหน้าที่คอยสนับสนุนลูกน้องให้เติบโต จะยิ่งทำให้ตัวหัวหน้าเองก้าวหน้าไปด้วย

"หลายคนอาจคิดว่าหัวหน้าแบบนี้ ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย…แต่จริงๆ แล้วได้ประโยชน์มากเลยล่ะ เพราะพอพนักงานเก่งขึ้น ไต่ระดับทางอาชีพสูงขึ้น เขาก็พาฉันเติบโตก้าวหน้าไปด้วย เหมือนนั่งรถสู่ความสำเร็จไปด้วยกันเลยนะ" เธอบอก

หัวหน้าที่เข้าใจคน คือ สัญญาณบวกขององค์กรที่จะเติบโตได้ไกล

ขณะที่ ดีพาลี วายาส (Deepali Vyas) หัวหน้าสายงานฟินเทคและคริปโตระดับโลก จากบริษัทที่ปรึกษา Korn Ferry ให้ความเห็นต่อแนวคิดนี้ไว้ว่า หัวหน้าที่มีแนวคิดแบบผู้นำที่รับใช้ผู้อื่น มักจะเป็น "สัญญาณบวก" ที่ดีขององค์กร

"หัวหน้าที่มีทั้งความฉลาดทางอารมณ์ และไม่ยึดติดกฎเกณฑ์จนเกินไป นั่นแหละคือหัวหน้าที่ดี ที่จะนำพาองค์กรที่ก้าวหน้า" เธอย้ำ และบอกอีกว่า เราสามารถสังเกตสกิลแบบนี้ได้จากถามคำถามง่ายๆ กับหัวหน้าของคุณ อย่างเช่น

  • ทีมของคุณจะพูดถึงคุณว่าอย่างไร?
  • สไตล์การเป็นผู้นำของคุณเป็นแบบไหน?

ถ้าคำตอบมีคำว่า "เสียสละ" "เข้าใจคนอื่น" หรือ "ยืดหยุ่นได้" แสดงว่าคนๆ นั้น เป็นผู้นำที่เข้าใจลูกทีมจริงๆ บางคนอาจถึงขั้นสละเวลา ทั้งๆ ที่ตารางงานแน่น เพื่อสอนทักษะใหม่ให้พนักงาน หรือยอมออกค่าใช้จ่ายในการอบรม เพื่อให้พนักงานได้พัฒนาตัวเองเต็มที่

แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็ต้องระวังหัวหน้าที่ตั้งใจดีแต่ไม่มีประสิทธิภาพด้วย โดย สก็อตต์ มอตซ์ (Scott Mautz) อดีตผู้บริหารของ Procter & Gamble และผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะผู้นำ เคยเขียนไว้ในบล็อกเมื่อปี 2021 ว่า "ผู้นำที่เน้นช่วยลูกทีมมากเกินไป บางครั้งก็อาจละเลยการวางแผนหรือขับเคลื่อนเป้าหมายของบริษัท"

หัวหน้าที่ดี คือ คนที่ส่งเสริมให้พนักงานเติบโต

ดีพาลี วายาส บอกว่าหัวหน้าที่ดีที่สุดคือคนที่ "เปิดโอกาสให้คุณเติบโตในสายอาชีพ" เพราะหัวหน้าที่คิดแบบนี้จะดึงศักยภาพของพนักงานออกมาได้เต็มที่

ไม่ต่างกับ คอร์โคแรน ผู้บริหารหญิงแห่งบริษัทนายหน้าอสังหาฯ ก็เชื่อว่าหัวหน้าที่ทำเพื่อทีม จะทำให้ทีมทุ่มเทกลับมาแบบเต็มร้อยเช่นกัน

เธอย้ำว่า "หัวหน้าที่เก่ง หัวหน้าที่เติบโต และหัวหน้าที่คนอยากทำงานให้ หากคุณอยากเป็นผู้นำตามข้างต้นนี้ ก็ต้องเข้าใจสิ่งหนึ่งให้ได้ก่อนว่า...คุณต้องทำงานเพื่อคนที่ทำงานให้คุณ นั่นแหละคือหัวใจสำคัญ"

ศาสตร์แห่งภาวะผู้นำแบบรับใช้: เข้าใจแนวคิด Servant Leadership

แนวคิด "Servant Leadership" หรือ "ภาวะผู้นำแบบรับใช้" ที่คอร์โคแรนกล่าวถึง ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปรัชญาที่ถูกนำเสนอครั้งแรกโดย โรเบิร์ต กรีนลีฟ (Robert Greenleaf) ในปี 1970 ซึ่งเขาได้เขียนเรียงความชื่อ "The Servant as Leader" โดยแนวคิดหลักคือ ผู้นำที่ดีที่สุดคือผู้ที่รับใช้ผู้อื่นก่อน และการเลือกที่จะนำผู้อื่นมาทีหลัง

ตามแนวคิดนี้ ผู้นำที่รับใช้จะให้ความสำคัญกับความต้องการของผู้อื่นก่อน โดยช่วยให้ผู้คนพัฒนา และมีประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แทนที่จะเน้นอำนาจหรือการควบคุม

สุรพงษ์ มาลี ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กรและที่ปรึกษาด้านทรัพยากรบุคคลชั้นนำของไทย อธิบายว่า "ภาวะผู้นำแบบรับใช้ไม่ได้หมายความว่าผู้นำอ่อนแอหรือขาดอำนาจ แต่หมายถึงผู้นำที่เข้าใจว่าการสร้างทีมที่แข็งแกร่งและให้อำนาจพนักงานคือหนทางสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนขององค์กร"

คุณลักษณะสำคัญของผู้นำแบบรับใช้ ประกอบด้วย:

  1. การรับฟังอย่างตั้งใจ: ผู้นำที่รับใช้จะฟังความคิดเห็นและข้อกังวลของทีมอย่างตั้งใจ
  2. ความเห็นอกเห็นใจ: พวกเขาพยายามเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
  3. การเยียวยา: พวกเขาช่วยให้ผู้อื่นเติบโตและพัฒนา
  4. การตระหนักรู้: พวกเขาเข้าใจตนเองและผลกระทบที่มีต่อผู้อื่น
  5. การโน้มน้าว: พวกเขาใช้การโน้มน้าวใจแทนการใช้อำนาจบังคับ
  6. การสร้างแนวคิด: พวกเขามองเห็นภาพใหญ่และคิดนอกกรอบ
  7. การมองการณ์ไกล: พวกเขามีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนและมองไปข้างหน้า
  8. ความรับผิดชอบต่อองค์กร: พวกเขารู้สึกรับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ที่ดีขององค์กรและผู้คนในองค์กร
  9. การสร้างชุมชน: พวกเขาสร้างความรู้สึกของชุมชนในทีมและองค์กร

แนวคิด Servant Leadership ในบริบทธุรกิจไทย

ในบริบทของธุรกิจไทย แนวคิดนี้อาจยังไม่แพร่หลายเท่าในต่างประเทศ แต่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะในบริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรสมัยใหม่และสตาร์ทอัพ

จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการเงินแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เล่าว่า "ตอนที่ผมเริ่มธุรกิจ ผมพยายามเป็นผู้นำแบบดั้งเดิม คอยสั่งการและควบคุมทุกอย่าง แต่ผมเรียนรู้อย่างรวดเร็วว่านั่นไม่ใช่วิธีที่จะดึงดูดและรักษาคนเก่งๆ ไว้ได้ ผมจึงเปลี่ยนมาใช้แนวคิดแบบ Servant Leadership และเห็นผลลัพธ์ที่น่าทึ่ง"

ธนาคารกสิกรไทย เป็นอีกหนึ่งองค์กรใหญ่ที่นำแนวคิดนี้มาประยุกต์ใช้ผ่านโครงการพัฒนาผู้นำ โดย นางสาววรรณา ธรรมศิริทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานทรัพยากรบุคคล กล่าวว่า "เราเชื่อว่าผู้นำที่เก่งที่สุดคือผู้ที่ทำให้ทีมงานเก่งขึ้น เราจึงส่งเสริมวัฒนธรรมที่ผู้นำมุ่งเน้นการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน"

อย่างไรก็ตาม ในวัฒนธรรมไทยที่ให้ความสำคัญกับลำดับชั้นและการเคารพผู้อาวุโส การนำแนวคิด Servant Leadership มาใช้อาจต้องมีการปรับให้เข้ากับบริบท

ดร.สมชาย วงศ์วิเศษ นักวิชาการด้านการบริหารจัดการและผู้เชี่ยวชาญด้านวัฒนธรรมองค์กร อธิบายว่า "ในสังคมไทย เราสามารถผสมผสานแนวคิด Servant Leadership กับคุณค่าทางวัฒนธรรมของเรา เช่น ความเมตตาและการใส่ใจ ซึ่งเป็นคุณค่าที่มีรากฐานในพุทธศาสนา ผู้นำไทยสามารถแสดงความเคารพต่อลำดับชั้นในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาและเสริมพลังให้กับทีมงานได้"

กรณีศึกษา: ความสำเร็จของ Barbara Corcoran กับแนวคิด Servant Leadership

กลับมาที่กรณีของ Barbara Corcoran ความสำเร็จของเธอเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของประสิทธิผลของแนวคิด Servant Leadership ในโลกธุรกิจ

เมื่อเธอเริ่มต้น The Corcoran Group ในปี 1973 เธอมีพนักงานเพียงไม่กี่คน แต่เธอให้ความสำคัญกับการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ทุกคนรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุนและเห็นคุณค่า

ในหนังสือของเธอ "If You Don't Have Big Breasts, Put Ribbons on Your Pigtails" (ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "Shark Tales") เธอเล่าว่าเธอเน้นยกย่องความสำเร็จของพนักงานและสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม

เธอเล่าเรื่องราวหนึ่งว่า เมื่อพนักงานคนหนึ่งมีไอเดียที่จะสร้างเว็บไซต์ของบริษัทในช่วงต้นยุคอินเทอร์เน็ต แทนที่จะปฏิเสธหรือลังเลเพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ เธอกลับให้การสนับสนุนและทรัพยากรที่จำเป็น ทำให้ The Corcoran Group กลายเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกๆ ที่มีเว็บไซต์ ซึ่งช่วยให้บริษัทได้เปรียบคู่แข่งอย่างมากในเวลาต่อมา

ปัจจุบัน แม้จะขายธุรกิจไปแล้ว แต่ คอร์โคแรน ยังคงใช้หลักการเดียวกันนี้ในฐานะนักลงทุนใน Shark Tank เธอมักจะถูกมองว่าเป็น "นักลงทุนที่ใจดีที่สุด" ในรายการ โดยไม่เพียงแต่ให้เงินทุน แต่ยังให้คำแนะนำและการสนับสนุนแก่ผู้ประกอบการที่เธอลงทุนด้วย

หนึ่งในผู้ประกอบการที่ได้รับการลงทุนจากเธอเล่าว่า "คุณบาร์บาร่าไม่ได้แค่ลงทุนในธุรกิจของเรา แต่เธอลงทุนในตัวเราด้วย เธอเข้าใจว่าธุรกิจจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อผู้ก่อตั้งเติบโตและพัฒนาไปพร้อมกับธุรกิจ"

5 บทเรียนจาก Barbara Corcoran สำหรับผู้นำยุคใหม่

จากประสบการณ์และปรัชญาการทำงานของ Barbara Corcoran เราสามารถสรุปบทเรียนสำคัญสำหรับผู้นำยุคใหม่ได้ดังนี้:

  1. เข้าใจว่าการทำงานเพื่อทีมไม่ใช่ความอ่อนแอ: การสนับสนุนให้ทีมงานประสบความสำเร็จไม่ได้ทำให้คุณอ่อนแอลง แต่กลับทำให้คุณแข็งแกร่งขึ้นในฐานะผู้นำ

  2. สร้างสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย: ให้ทีมงานรู้สึกปลอดภัยที่จะเสี่ยงและเรียนรู้จากความผิดพลาด

  3. ฟังอย่างตั้งใจ: ให้ความสนใจกับความคิดเห็นและข้อกังวลของทีมงาน และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการตัดสินใจ

  4. สนับสนุนการเติบโตส่วนบุคคล: ช่วยให้สมาชิกในทีมพัฒนาทักษะและความสามารถของพวกเขา แม้ว่าบางครั้งอาจหมายถึงการที่พวกเขาจะก้าวหน้าเกินตำแหน่งปัจจุบัน

  5. เฉลิมฉลองความสำเร็จ: ยกย่องและเฉลิมฉลองความสำเร็จของทีมงาน ไม่ใช่แค่ผลงานของตัวเอง

ความท้าทายของการเป็นผู้นำแบบรับใช้ในยุคดิจิทัล

ในยุคที่การทำงานเปลี่ยนไปสู่รูปแบบดิจิทัลและการทำงานทางไกลมากขึ้น การเป็นผู้นำแบบรับใช้อาจเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ

นันทวัฒน์ สิทธิรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง เล่าถึงความท้าทายในการนำทีมแบบไฮบริดว่า "เมื่อคุณไม่ได้พบปะกับทีมงานแบบตัวต่อตัวทุกวัน การสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นอาจเป็นเรื่องยาก แต่นั่นยิ่งทำให้หลักการของ Servant Leadership สำคัญมากขึ้น"

เขาแนะนำว่าผู้นำในยุคดิจิทัลควร:

  • จัดการประชุมแบบตัวต่อตัวกับสมาชิกในทีมเป็นประจำ แม้จะเป็นการประชุมออนไลน์
  • ใช้เครื่องมือดิจิทัลเพื่อสร้างพื้นที่ให้ทีมงานแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
  • เฉลิมฉลองความสำเร็จอย่างเปิดเผยผ่านช่องทางการสื่อสารของทีม
  • สร้างโอกาสให้ทีมงานได้พบปะกันนอกเหนือจากการทำงาน แม้จะเป็นกิจกรรมออนไลน์

ตัวอย่างองค์กรไทยที่ประสบความสำเร็จด้วยแนวคิด Servant Leadership

ในประเทศไทย มีหลายองค์กรที่เริ่มนำแนวคิด Servant Leadership มาใช้และเห็นผลลัพธ์ที่ดี

บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG เป็นหนึ่งในองค์กรชั้นนำที่มีวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการพัฒนาคนและภาวะผู้นำ โดย นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCG เคยกล่าวว่า "ผู้นำที่ดีไม่ใช่คนที่สร้างผู้ตาม แต่เป็นคนที่สร้างผู้นำคนต่อไป"

SCG มีโครงการพัฒนาผู้นำที่เน้นการสร้างวัฒนธรรมการโค้ชและการสนับสนุนทีมงาน ผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับผู้บริหารรุ่นใหม่ และส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ระหว่างฝ่ายต่างๆ

อีกตัวอย่างหนึ่งคือ บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับเป็นสถานที่ทำงานที่ดีที่สุดในเอเชียหลายปีติดต่อกัน โดยมีวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการให้คุณค่ากับพนักงานและการพัฒนาภาวะผู้นำแบบรับใช้

บทสรุป: Servant Leadership คือหัวใจของความสำเร็จในยุคใหม่

แนวคิดของ Barbara Corcoran ที่ว่า "ฉันทำงานเพื่อคุณ ไม่ใช่คุณทำงานเพื่อฉัน" อาจดูขัดแย้งกับความเข้าใจทั่วไปเกี่ยวกับลำดับชั้นในองค์กร แต่เป็นปรัชญาที่ได้พิสูจน์แล้วว่านำไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืน

ในโลกธุรกิจปัจจุบันที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน องค์กรต้องการผู้นำที่สามารถปรับตัว สร้างแรงบันดาลใจ และเสริมพลังให้ทีมงาน แนวคิด Servant Leadership จึงไม่ใช่เพียงแนวคิดที่น่าสนใจ แต่เป็นกลยุทธ์ที่จำเป็นสำหรับการเติบโตและความอยู่รอดขององค์กร

ดังที่ คอร์โคแรน ย้ำไว้ในตอนท้ายของวิดีโอ TikTok ของเธอว่า "หัวหน้าที่เก่ง หัวหน้าที่เติบโต และหัวหน้าที่คนอยากทำงานให้ หากคุณอยากเป็นผู้นำตามข้างต้นนี้ ก็ต้องเข้าใจสิ่งหนึ่งให้ได้ก่อนว่า...คุณต้องทำงานเพื่อคนที่ทำงานให้คุณ นั่นแหละคือหัวใจสำคัญ"

This topic was modified 4 weeks ago by supachai
 
Posted : 16/05/2025 8:39 pm
Share: