การศึกษาล่าสุดได้เปิดเผยอันดับความน่าอยู่ของทั้ง 50 เขตในกรุงเทพมหานคร โดยพบว่าพื้นที่ใจกลางเมืองอย่างเขตพระนครได้รับการจัดอันดับให้เป็นเขตที่น่าอยู่ที่สุด ขณะที่เขตชานเมืองอย่างหนองแขมอยู่อันดับสุดท้าย รายงานจาก Bangkok Index 2024 โดย Rocket Media Lab ได้ทำการวิเคราะห์ปัจจัยหลากหลายด้านที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในแต่ละเขต และสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาเมืองระหว่างพื้นที่ชั้นในและชั้นนอกของกรุงเทพฯ
เกณฑ์การประเมินความน่าอยู่ - 4 ด้านสำคัญที่ชี้วัดคุณภาพชีวิต
Bangkok Index ได้กำหนดเกณฑ์การประเมินครอบคลุม 4 ด้านหลัก เพื่อวัดระดับความน่าอยู่ของแต่ละเขตในกรุงเทพมหานคร โดยแต่ละด้านประกอบด้วยปัจจัยย่อยที่สำคัญ ดังนี้
1. ด้านบริการสาธารณะ ประกอบด้วยปัจจัยสำคัญ 4 ประการ ได้แก่
- สาธารณสุข: การเข้าถึงโรงพยาบาล คลินิก และบริการทางการแพทย์
- ขนส่งสาธารณะ: ความครอบคลุมของระบบขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า รถประจำทาง และทางเลือกในการเดินทาง
- การศึกษา: จำนวนและคุณภาพของสถาบันการศึกษาในพื้นที่
- คุณภาพชีวิต: สิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไปที่ส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
2. ด้านเศรษฐกิจ พิจารณาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่
- งบประมาณรายเขต: การจัดสรรงบประมาณจากกรุงเทพมหานครให้แต่ละเขต
- รายได้จากการจัดเก็บภาษี: ประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของแต่ละเขต
- การจดทะเบียนธุรกิจ: จำนวนธุรกิจที่จดทะเบียนในพื้นที่ซึ่งสะท้อนความมีชีวิตชีวาทางเศรษฐกิจ
- สถานประกอบการอาหาร: จำนวนร้านอาหารและความหลากหลายของบริการด้านอาหาร
3. ด้านสวัสดิภาพ วัดจากความปลอดภัยใน 4 มิติ ได้แก่
- อัคคีภัย: ความเสี่ยงและการป้องกันเหตุเพลิงไหม้
- อุทกภัย: พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมและระบบระบายน้ำ
- จุดเสี่ยงอาชญากรรม: สถิติอาชญากรรมและความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ
- อุบัติเหตุบนท้องถนน: สถิติอุบัติเหตุจราจรและความปลอดภัยทางถนน
4. ด้านสิ่งแวดล้อม ประเมินจาก 4 ปัจจัย ได้แก่
- การจัดการขยะ: ประสิทธิภาพในการเก็บและกำจัดขยะ
- การบำบัดน้ำเสีย: คุณภาพน้ำและระบบบำบัดน้ำเสีย
- คุณภาพอากาศ: ระดับมลพิษทางอากาศและการจัดการปัญหาฝุ่น PM 2.5
- พื้นที่สวนสาธารณะ: สัดส่วนพื้นที่สีเขียวต่อจำนวนประชากร
อันดับเขตที่น่าอยู่ที่สุดในกรุงเทพฯ - 'พระนคร' ครองแชมป์ด้วยคะแนนสูงสุด
จากผลการจัดอันดับภาพรวมความน่าอยู่ใน Bangkok Index 2024 ได้มีการจัดลำดับ 50 เขตในกรุงเทพมหานคร โดยให้คะแนนตั้งแต่ 1-50 ตามลำดับความน่าอยู่ (เขตที่มีลำดับเท่ากันจะได้คะแนนเท่ากัน) ปรากฏว่า 10 อันดับแรกของเขตที่น่าอยู่ที่สุดในกรุงเทพฯ ได้แก่:
- เขตพระนคร - 35.08 คะแนน
- เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย - 35.05 คะแนน
- เขตปทุมวัน - 34.76 คะแนน
- เขตสัมพันธวงศ์ - 33.42 คะแนน
- เขตราชเทวี - 32.40 คะแนน
- เขตสาทร - 30.66 คะแนน
- เขตบางรัก - 30.43 คะแนน
- เขตดุสิต - 30.39 คะแนน
- เขตห้วยขวาง - 30.19 คะแนน
- เขตพญาไท - 30.04 คะแนน
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า เขตพระนครซึ่งเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์และศูนย์กลางการท่องเที่ยวสำคัญของกรุงเทพฯ ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเขตที่น่าอยู่ที่สุด ด้วยคะแนน 35.08 คะแนน ตามมาด้วยเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายที่มีคะแนนใกล้เคียงกันมากที่ 35.05 คะแนน และเขตปทุมวันที่ได้ 34.76 คะแนน
10 เขตที่มีคะแนนความน่าอยู่น้อยที่สุด - ชานเมืองประสบปัญหาการพัฒนา
ในขณะเดียวกัน 10 เขตที่มีคะแนนความน่าอยู่น้อยที่สุดตามการจัดอันดับของ Bangkok Index 2024 ได้แก่:
- เขตภาษีเจริญ - 20.60 คะแนน
- เขตหนองจอก - 20.11 คะแนน
- เขตประเวศ - 19.94 คะแนน
- เขตวังทองหลาง - 19.81 คะแนน
- เขตบางเขน - 19.58 คะแนน
- เขตทุ่งครุ - 19.55 คะแนน
- เขตบางขุนเทียน - 17.81 คะแนน
- เขตสายไหม - 17.47 คะแนน
- เขตบางแค - 16.76 คะแนน
- เขตหนองแขม - 13.81 คะแนน
เขตหนองแขมได้รับการจัดอันดับให้เป็นเขตที่น่าอยู่น้อยที่สุดด้วยคะแนนเพียง 13.81 คะแนน ซึ่งห่างจากเขตพระนครที่อยู่อันดับหนึ่งถึง 21.27 คะแนน สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาเมืองอย่างชัดเจน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อความน่าอยู่ - พื้นที่ชั้นในได้เปรียบด้านงบประมาณและบริการ
จากการวิเคราะห์ผลการจัดอันดับของ Bangkok Index 2024 พบแนวโน้มที่น่าสนใจว่า เขตที่ได้คะแนนความน่าอยู่สูงมักกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ซึ่งมีลักษณะสำคัญดังนี้:
- เป็นพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
- ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงเมื่อเทียบกับจำนวนประชากร
- มีโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน ทั้งระบบขนส่งมวลชน สถานพยาบาล และสถาบันการศึกษา
- มีการลงทุนจากภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง
ในทางตรงกันข้าม เขตที่ได้คะแนนความน่าอยู่น้อยมักอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นกลางและชั้นนอก ซึ่งประสบปัญหาหลายประการ ได้แก่:
- ได้รับงบประมาณน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่มักมีมากกว่า
- ขาดแคลนบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะระบบขนส่งมวลชน
- กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีน้อยกว่า ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้ต่ำ
- เผชิญกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยมากกว่า
ความท้าทายในการพัฒนาเมือง - ลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเขต
ข้อมูลจาก Bangkok Index 2024 สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายสำคัญในการพัฒนากรุงเทพมหานครให้เป็นเมืองน่าอยู่อย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการลดช่องว่างระหว่างพื้นที่ชั้นในและชั้นนอก นักวิชาการด้านผังเมืองหลายท่านได้เสนอแนะแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน ดังนี้:
- การกระจายงบประมาณที่เป็นธรรมมากขึ้น โดยคำนึงถึงความต้องการของประชาชนในแต่ละพื้นที่
- การพัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้ครอบคลุมพื้นที่ชานเมืองมากขึ้น
- การสร้างศูนย์กลางเศรษฐกิจรองในพื้นที่ชั้นกลางและชั้นนอก เพื่อลดการกระจุกตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจ
- การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะระบบระบายน้ำและการจัดการขยะ
- การเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสวนสาธารณะในเขตชั้นกลางและชั้นนอก
ทั้งนี้ การจัดทำ Bangkok Index นับเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เห็นภาพรวมของปัญหาและความต้องการในแต่ละพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนพัฒนาเมืองที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง