Guestpost โฟสฟรี ถ้าคุณมีสาระดีๆ ที่นี่เราให้คุณได้แบ่งปัน

Notifications
Clear all

วันของการเผชิญหน้ากับสิ่งเร้นลับ: สาวชำระแค้น ลางานมาด่าผี ก่อกวนไม่หยุด

1 Posts
1 Users
0 Reactions
18 Views
supachai
(@supachai)
Posts: 5299
Illustrious Member
Topic starter
 

แรงกดดันจากการทำงาน ภาระหนี้สิน และความเหนื่อยล้าในชีวิตประจำวัน เป็นสิ่งที่หลายคนต้องเผชิญ แต่สำหรับหญิงสาวเจ้าของบัญชี TikTok @sasithhtnt6 เธอไม่เพียงต้องรับมือกับความกดดันจากโลกแห่งความเป็นจริงเท่านั้น แต่ยังต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเร้นลับที่มารบกวนการพักผ่อนอันมีค่าของเธออีกด้วย

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอลงในแพลตฟอร์ม TikTok พร้อมข้อความที่แสดงถึงความหัวเสียว่า "เมื่อผีหลังห้องมาก่อกวน กูก็พร้อมลางานมาหาพวกมึง" ภาพในคลิปแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวของเธอที่ยกเก้าอี้มานั่งตรงหน้าศาลเจ้าที่เจ้าทาง พร้อมกับระบายความอัดอั้นตันใจทั้งหมด

"มาเคลียร์กันซิมึงกับกู เป็นอะไรนักหนา" เธอเริ่มต้นการสนทนาฝ่ายเดียวกับสิ่งที่เธอเชื่อว่ากำลังรบกวนเธออยู่ "มาก่อมากวนกูทั้งคืนไม่ได้หลับได้นอน งานการกูก็มีทำ ภาระหนี้สินกูก็มี นู่นนี่นั่นเต็มไปหมด มากวนกูทั้งคืน วันหยุดกูก็ไม่เคยได้พักผ่อน"

ความเหนื่อยล้าและความอดทนที่สะสมมานานวันปรากฏชัดเจนในน้ำเสียงของเธอ การที่ต้องสละวันทำงานเพื่อมาจัดการกับปัญหานี้ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิดให้กับเธอมากขึ้น "วันนี้กูพร้อมที่จะลางานมาด่ามึงทั้งวันละ มีอะไรมาพูด มีอะไรมาคุย" เธอท้าทาย

สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดมากที่สุดคือ การที่วิญญาณดังกล่าวมาเข้าฝันเธอแต่กลับไม่สื่อสารอะไรให้ชัดเจน "อีนี่อีกตัว มาเข้าฝันแล้วก็ไม่เคยจะบอกอะไรกูหรอก" เธอแสดงความไม่พอใจ ก่อนจะเสนอข้อตกลงที่น่าสนใจ "ถ้าอยากจะอยู่ ถ้าอยากจะมาหากู บอกหวยกูค่ะแล้วกูจะแบ่งที่ในห้อง 1 ตารางวาในห้องให้พวกมึงอยู่ แล้วก็ไม่ต้องมาหลอกมาหลอนกู กูเหนื่อย"

เมื่อมีชาวเน็ตเข้ามาสอบถามถึงรายละเอียดของการถูกรบกวน เธอเล่าว่า "เข้าฝันให้เห็นว่าใส่ชุดไทยสีชมพูมาค่ะ มานั่งร้องไห้ แล้วก็ไม่พูดอะไร ถามก็ไม่ยอมตอบ เป็นแบบนี้บ่อยๆ มาอำบ้าง เสียงเคาะประตูบ้างค่ะ" ประสบการณ์ของเธอไม่ได้โดดเดี่ยว ดังจะเห็นได้จากชาวเน็ตคนอื่นที่แชร์เรื่องราวคล้ายคลึงกัน

"เข้าใจเลย มันน่าโมโหจริงๆ ค่ะ" หนึ่งในผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเล่า "เราเจอแบบมากวนลูกเรา มาแกล้งลูกเรา ลูกเรานอนหลับอยู่ เรานอนเล่นโทรศัพท์อยู่ข้างๆ ไม่ได้หลับ เห็นลูกเราเหมือนโดนเขย่าตัวเเรงมาก นาทีนั้นลืมกลัว เราด่ายับเลย" แสดงให้เห็นว่าความกล้าหาญของมารดาที่ต้องการปกป้องบุตรนั้นมีมากกว่าความกลัวต่อสิ่งเร้นลับ

เจ้าของโพสต์ตอบกลับด้วยความเห็นอกเห็นใจ "โมโหจริงๆ ค่ะ ทำงานมาเหนื่อยๆ อยากจะพักบ้างก็ขยันอำจริงๆ บางทีมาอาทิตย์ละ 3-4 วัน ไม่ไหวค่ะ" สะท้อนให้เห็นถึงความถี่ของการถูกรบกวนที่เธอต้องเผชิญ

แต่เรื่องราวกลับพลิกผันอย่างน่าประหลาดใจ หลังจากการเผชิญหน้าและระบายความรู้สึกในช่วงเช้า เธอได้โพสต์คลิปติดตามผลในช่วงบ่ายด้วยข่าวดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนฉากในนิยายเหนือธรรมชาติ เมื่อเธอจุดธูปบูชาและได้เลข 297 ซึ่งต่อมาเธอนำไปซื้อหวยและถูกรางวัล

"ขอบคุณมากนะคุณผี สำหรับ 297" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป จากความหงุดหงิดกลายเป็นความขอบคุณ "ถ้ากูไม่ด่ามึงเมื่อเช้ามึงคงไม่ให้กูหรอกเนอะ กลัวจะไม่มีที่อยู่กันล่ะสิ" เธอเหน็บแนมอย่างมีอารมณ์ขัน ก่อนจะยืนยันว่าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้ "งั้นคืนนี้กูจะทำตามสัญญา จัดที่ 1 ตารางวาให้คุณผีทั้งหลายไปนอนกระดิกเท้ากันได้เลย ใครอยากมาๆ เลย"

เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างมนุษย์กับความเชื่อเรื่องสิ่งเร้นลับในสังคมไทย ความเชื่อเกี่ยวกับวิญญาณที่สามารถช่วยเหลือในเรื่องโชคลาภยังคงมีอิทธิพลในยุคดิจิทัล แม้กระทั่งคนรุ่นใหม่ที่ใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok ในการแบ่งปันประสบการณ์

ในสังคมที่ผู้คนเผชิญกับความเครียดและความกดดันจากการทำงาน ภาระหนี้สิน และความรับผิดชอบต่างๆ บางครั้งความเชื่อเรื่องสิ่งเร้นลับกลายเป็นเหมือนที่พึ่งทางใจ หรือเป็นวิธีหนึ่งในการจัดการกับความไม่แน่นอนในชีวิต คำอธิษฐานขอโชคลาภจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจเป็นความหวังสุดท้ายสำหรับผู้ที่รู้สึกว่าไม่มีทางออกในระบบเศรษฐกิจที่บีบคั้น

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเป็นเพียงความบังเอิญ เรื่องราวนี้ได้สร้างความบันเทิงและเป็นที่สนใจของชาวอินเทอร์เน็ตจำนวนมาก อาจเป็นเพราะหลายคนสามารถเชื่อมโยงกับความรู้สึกของเธอได้ ทั้งความเหนื่อยล้า ความหงุดหงิด และความหวังที่จะได้รับโชคลาภเพื่อบรรเทาความทุกข์ยาก

สุดท้ายแล้ว เรื่องนี้อาจเป็นการเตือนใจว่า บางครั้งเมื่อเราเผชิญกับสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้ การเปิดใจพูดคุย แม้จะเป็นการพูดคุยกับสิ่งที่มองไม่เห็น ก็อาจช่วยบรรเทาความตึงเครียดและนำมาซึ่งมุมมองใหม่ๆ ได้ และบางทีการยอมรับและอยู่ร่วมกับสิ่งที่เราไม่เข้าใจ อาจเป็นทางออกที่ดีกว่าการต่อต้านมันอย่างไม่รู้จบ

ดังที่เธอได้สรุปไว้ในตอนท้ายว่า การแบ่งปันพื้นที่เพียง 1 ตารางวาในห้องให้กับผู้มาเยือนที่มองไม่เห็น อาจเป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า หากมันนำมาซึ่งความสงบในจิตใจและโชคลาภที่จะช่วยบรรเทาภาระในชีวิตประจำวันได้

This topic was modified 1 month ago by supachai
 
Posted : 09/05/2025 5:00 pm
Share: