Guestpost โฟสฟรี ถ้าคุณมีสาระดีๆ ที่นี่เราให้คุณได้แบ่งปัน

Notifications
Clear all

ผู้โดยสารพุ่ง 68 ล้านคน "ภาครัฐ" ดันสนามบินไทย ขึ้นแท่นฮับการบินนานาชาติ

1 Posts
1 Users
0 Reactions
22 Views
supachai
(@supachai)
Posts: 5317
Illustrious Member
Topic starter
 

ทอท. ประกาศผลดำเนินงานครึ่งปีแรกทำลายสถิติ รายได้ทะลุ 3.6 หมื่นล้านบาท ผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่า 68 ล้านคน เผยแผนยุทธศาสตร์เร่งผลักดันสนามบินไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคเอเชีย พร้อมเดินหน้าลงทุนขยายโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงบริการเพื่อยกระดับประสบการณ์ผู้โดยสาร

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. รายงานผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 - มีนาคม 2568) พบว่า สนามบินทั้ง 6 แห่งในความดูแล ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีจำนวนเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 414,377 เที่ยว เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.90 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 237,511 เที่ยว และเที่ยวบินภายในประเทศ 176,866 เที่ยว ส่งผลให้มีจำนวนผู้โดยสารรวมทั้งสิ้น 68.42 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.76 โดยแบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 42.34 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 26.08 ล้านคน การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ส่งผลให้รายได้จากกิจการการบินอยู่ที่ 18,188.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.82 ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 36,235.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.98 และมีกำไรสุทธิรวม 10,397.57 ล้านบาท

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีสมัยใหม่ หัวใจสำคัญแห่งความสำเร็จ

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ ทอท. คือการลงทุนพัฒนาระบบบริการด้วยเทคโนโลยีระดับสากล ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้โดยสาร โดยในช่วงที่ผ่านมา ทอท. ได้นำเทคโนโลยีล้ำสมัยมาใช้ในหลายส่วน อาทิ

  1. ระบบบริหารข้อมูลการบินร่วม (Airport Collaborative Decision Making: A-CDM) ซึ่งเป็นระบบที่ช่วยให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการบิน ทั้งสายการบิน หน่วยงานบริการภาคพื้น และหน่วยควบคุมการจราจรทางอากาศ สามารถแชร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ทำให้การบริหารจัดการเที่ยวบินมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความล่าช้า และประหยัดเชื้อเพลิง

  2. ระบบตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automated Border Control: ABC) สำหรับผู้ถือ e-Passport ช่วยลดระยะเวลาในการตรวจสอบหนังสือเดินทางและอัตลักษณ์บุคคล ทำให้ผู้โดยสารผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

  3. การใช้แบบฟอร์มดิจิทัล Thailand Digital Arrival Card (TDAC) แทนแบบ ตม.6 กระดาษอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นมา ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารขาเข้า ลดการใช้กระดาษ และเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูล

  4. ระบบจัดการกระเป๋าสัมภาระอัจฉริยะ (Smart Baggage Handling System) ที่ใช้เทคโนโลยี RFID และระบบสแกนกระเป๋าอัตโนมัติ ช่วยลดปัญหากระเป๋าสูญหาย และทำให้การขนส่งกระเป๋าจากจุดเช็คอินไปยังเครื่องบินมีความรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

  5. ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ด้วยเทคโนโลยี Biometric และ AI-powered CCTV ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับวัตถุต้องสงสัย และป้องกันเหตุการณ์ที่อาจกระทบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร

"การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการพัฒนาระบบการให้บริการนั้น นับเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้โดยสาร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสนามบินไทยในเวทีโลก" นางสาวศศิกานต์กล่าว

สนามบินไทยไต่อันดับโลก คว้ารางวัลระดับนานาชาติ

นอกจากตัวเลขผลประกอบการที่เติบโตอย่างโดดเด่นแล้ว สนามบินภายใต้การดูแลของ ทอท. ยังได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ จากการจัดอันดับและรางวัลจากสถาบันชั้นนำระดับโลก โดยในปี 2568 นี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้รับการจัดอันดับจาก Skytrax ให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุดในโลกอันดับที่ 39 ซึ่งถือว่าขยับขึ้นมาถึง 19 อันดับเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นอกจากนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นสนามบินที่มีการพัฒนาดีที่สุดในโลกอันดับที่ 3 อีกด้วย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ ทอท. และที่สำคัญ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ (SAT-1) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังได้รับรางวัล Prix Versailles 2024 ในฐานะท่าอากาศยานที่มีการออกแบบสวยงามที่สุดในโลก ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นในด้านความสวยงาม ความยั่งยืน และการสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น

ดร.ภูมิพัฒน์ สินาคม นักวิชาการด้านการขนส่งทางอากาศ มหาวิทยาลัยนวัตกรรมการบิน กล่าวว่า การที่สนามบินไทยได้รับการจัดอันดับและรางวัลจากสถาบันระดับนานาชาติ สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับในมาตรฐานการให้บริการและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ ทอท.

"รางวัลและอันดับเหล่านี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องการันตีคุณภาพการให้บริการเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทั่วโลกที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม" ดร.ภูมิพัฒน์กล่าว

แผนการลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมิ มูลค่ากว่า 1.7 แสนล้านบาท

การเติบโตอย่างต่อเนื่องของจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบิน ทำให้ ทอท. ต้องเร่งขยายขีดความสามารถในการรองรับ โดยเฉพาะที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินหลักของประเทศ โดยล่าสุด ทอท. ได้ปรับแผนการลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมิ วงเงินกว่า 1.7 แสนล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 60 ล้านคนต่อปี เป็น 120 ล้านคนต่อปี ภายในปี 2573

นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทอท. เปิดเผยว่า แผนการขยายสนามบินสุวรรณภูมิระยะที่ 3 ประกอบด้วย การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 (Terminal 2) การก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 พร้อมระบบทางวิ่งและทางขับ การพัฒนาลานจอดอากาศยานด้านทิศตะวันออก การขยายอาคารคลังสินค้า และการพัฒนาพื้นที่สนับสนุนธุรกิจ เช่น ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) และศูนย์กระจายสินค้าทางอากาศ (Air Cargo Hub)

"แผนการลงทุนขยายสนามบินสุวรรณภูมินี้ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับสนามบินสุวรรณภูมิให้เป็นศูนย์กลางการบินที่ครบวงจร ทั้งในด้านการขนส่งผู้โดยสาร การขนส่งสินค้า และการซ่อมบำรุงอากาศยาน ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้และการจ้างงานให้กับประเทศไทยในระยะยาว" นายกิตติพงศ์กล่าว

เปิดพื้นที่ 2.5 พันไร่ รอบ 6 สนามบิน ดึงเอกชนลงทุน มูลค่า 2.8 หมื่นล้านบาท

นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานหลักของสนามบินแล้ว ทอท. ยังมีแผนการใช้ประโยชน์จากพื้นที่โดยรอบสนามบินเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยล่าสุด ทอท. ได้เปิดพื้นที่กว่า 2,500 ไร่ รอบ 6 สนามบินในความดูแล เพื่อเชิญชวนให้ภาคเอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการต่างๆ มูลค่ารวมประมาณ 2.8 หมื่นล้านบาท

โดยเฉพาะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทอท. ได้ชี้เป้าที่ดิน 11 แปลง รวมพื้นที่ 1,010 ไร่ เพื่อให้เอกชนเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงการในรูปแบบต่างๆ เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า สวนสาธารณะ และศูนย์บันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของการเป็นเมืองการบิน (Aerotropolis) และสร้างรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน (Non-Aeronautical Revenue) ให้กับ ทอท. อีกทางหนึ่ง

นายวิชัย ทองแท้ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ ทอท. กล่าวว่า การพัฒนาพื้นที่โดยรอบสนามบินเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของ ทอท. ในการเพิ่มรายได้และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์ที่มีอยู่ โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินจากปัจจุบันที่ประมาณร้อยละ 40 เป็นร้อยละ 50 ภายในปี 2570

"เรามองว่าพื้นที่โดยรอบสนามบินมีศักยภาพสูงในการพัฒนาเชิงพาณิชย์ เนื่องจากมีความสะดวกในการเดินทางและมีผู้โดยสารจำนวนมากเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการสนามบินอีกด้วย" นายวิชัยกล่าว

ปักหมุด MRO ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ดึงโบอิ้ง แอร์บัส และ ST ร่วมลงทุน

อีกหนึ่งโครงการสำคัญที่ ทอท. กำลังเร่งผลักดัน คือการพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance, Repair and Overhaul: MRO) ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบิน (Aviation Hub) ของภูมิภาค

ล่าสุด ทอท. ได้เปิดเผยว่า บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินชั้นนำของโลกอย่าง Boeing และ Airbus รวมถึงบริษัท ST Engineering ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานจากสิงคโปร์ ได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการดังกล่าว

นายสุทธิพงษ์ คงพูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การพัฒนาศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานที่สนามบินสุวรรณภูมิ เป็นโครงการที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการบินของไทยและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ โดยคาดว่าจะมีมูลค่าการลงทุนในช่วงแรกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท และจะสร้างงานให้กับแรงงานที่มีทักษะสูงกว่า 1,000 ตำแหน่ง

"โครงการนี้จะช่วยลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศจากการที่สายการบินไทยต้องนำเครื่องบินไปซ่อมบำรุงในต่างประเทศ และยังเป็นการสร้างโอกาสในการดึงดูดสายการบินต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการซ่อมบำรุงในประเทศไทย ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้และสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมการบินของไทยในระยะยาว" นายสุทธิพงษ์กล่าว

ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค

จากความสำเร็จในการพัฒนาสนามบินและผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ทอท. มีความมั่นใจที่จะก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคอย่างเต็มตัว โดยได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนา 5 ด้านหลัก ได้แก่

  1. การยกระดับขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและเที่ยวบิน ผ่านการลงทุนขยายโครงสร้างพื้นฐานและปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

  2. การพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้ได้มาตรฐานระดับโลก ผ่านการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้และการพัฒนาบุคลากร

  3. การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างสนามบินและการขนส่งรูปแบบอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบขนส่งในภาพรวม

  4. การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบิน เช่น ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน ศูนย์กระจายสินค้าทางอากาศ และศูนย์ฝึกอบรมด้านการบิน

  5. การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบ

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค โดยมอบหมายให้ ทอท. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว

"รัฐบาลขอขอบคุณประชาชน ผู้ประกอบการ และทุกภาคส่วนที่ร่วมกันขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวไทย ความสำเร็จนี้สะท้อนถึงศักยภาพ และความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาค นอกจากนี้รัฐบาลมุ่งมั่นยกระดับสนามบินไทยให้มีมาตรฐานระดับโลก เพื่อรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน" นางสาวศศิกานต์กล่าว

ความท้าทายและโอกาสในการพัฒนาสนามบินไทยสู่ความเป็นเลิศ

แม้ว่า ทอท. จะประสบความสำเร็จในการพัฒนาสนามบินและมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีความท้าทายหลายประการที่ต้องเผชิญในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคอย่างเต็มตัว

ดร.อนุชิต ดีประเสริฐวิทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการสนามบิน และอดีตที่ปรึกษาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) กล่าวว่า ความท้าทายสำคัญของสนามบินไทยในการแข่งขันกับสนามบินชั้นนำในภูมิภาค เช่น ชางงี (สิงคโปร์) ฮ่องกง และอินชอน (เกาหลีใต้) คือการพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้มีความสม่ำเสมอและการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการในช่วงที่มีผู้โดยสารหนาแน่น

"สนามบินไทยมีจุดแข็งด้านทำเลที่ตั้งซึ่งเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และมีความพร้อมด้านการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมที่ดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลก แต่ในขณะเดียวกัน ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจากสนามบินชั้นนำในภูมิภาค ซึ่งมีการลงทุนพัฒนาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน" ดร.อนุชิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว ยังมีโอกาสอีกมากมายสำหรับการพัฒนาสนามบินไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะจากแนวโน้มการเติบโตของการเดินทางทางอากาศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 5-6 ต่อปีในช่วง 10 ปีข้างหน้า

นายสมศักดิ์ มหาวิริโย นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมการบิน กล่าวว่า การที่ประเทศไทยตั้งอยู่ในทำเลที่เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค และมีนโยบายการเปิดน่านฟ้าเสรี ทำให้มีโอกาสที่จะดึงดูดสายการบินและผู้โดยสารจากทั่วโลกให้เข้ามาใช้บริการสนามบินไทยมากขึ้น

"หากประเทศไทยสามารถพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและคุณภาพการให้บริการให้ทัดเทียมกับสนามบินชั้นนำของโลก ควบคู่ไปกับการพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบิน เช่น ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน และศูนย์กระจายสินค้าทางอากาศ ก็จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคได้อย่างเต็มภาคภูมิ" นายสมศักดิ์กล่าว

บทสรุป: สนามบินไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคอย่างมั่นคง

จากความสำเร็จในการพัฒนาสนามบินและผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการบินแห่งภูมิภาคอย่างเต็มตัว โดยมี ทอท. เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ดังกล่าว

การลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ และการยกระดับคุณภาพการให้บริการ นับเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของสนามบินไทยในเวทีโลก นอกจากนี้ การพัฒนาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการบิน เช่น ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน และศูนย์กระจายสินค้าทางอากาศ ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและการจ้างงานให้กับประเทศไทยในระยะยาว

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้ายว่า "ความสำเร็จของ ทอท. สะท้อนถึงศักยภาพของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค และจะเดินหน้าสนับสนุนให้ทุกสนามบินไทยเติบโตอย่างมีคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักเดินทางทั่วโลก รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยั่งยืน"

"การพัฒนาสนามบินไทยไม่ได้เป็นเพียงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตของประเทศ ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยในเวทีโลก" นางสาวศศิกานต์กล่าว

This topic was modified 1 month ago by supachai
 
Posted : 17/05/2025 4:04 pm
Share: