"HER HYNESS" แบรนด์คลีนบิวตี้ชื่อดัญชาติไทยได้เดินหน้ารุกตลาดผลิตภัณฑ์ความงามอย่างเต็มรูปแบบ ล่าสุดประกาศความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์กันแดดนวัตกรรมใหม่พร้อมดึง "หลิงหลิง – ศิริลักษณ์ คอง" มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของแบรนด์ ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่มุ่งสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยตั้งเป้าผลักดันยอดขายรวมปีนี้เติบโตถึง 40%
เทรนด์คลีนบิวตี้กำลังมาแรง ตลาดไทยอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก
นางสาวกัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แบรนด์ HER HYNESS เปิดเผยว่า จากรายงานล่าสุดของ Euromonitor ปี 2025 ได้ระบุชัดเจนว่าเทรนด์ความงามที่เน้น "การผ่านการทดสอบมาตรฐานคลีนิก" และ "คลีนบิวตี้" กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญทั่วโลก โดยมีข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจหลายประการ
ผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานคลีนิกเพิ่มขึ้นจาก 13% ในปี 2019 เป็น 18% ในปี 2023 รวมถึงให้ความสำคัญกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจในคุณภาพและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์มากขึ้น
ที่น่าสนใจคือ 40% ของผู้บริโภคทั่วโลกให้ความสำคัญกับ "คลีนบิวตี้" โดยเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวเป็นกิจวัตรประจำวัน และมุ่งเน้นที่คุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์เป็นหลัก
เมื่อแบ่งตามประเทศ พบว่าประเทศไทยอยู่ในอันดับ 3 ของโลกที่มีผู้บริโภคกลุ่ม "คลีนบิวตี้" ในสัดส่วนสูงถึง 56% รองจากอินโดนีเซีย (59%) และอินเดีย (57%) และตามมาด้วยแอฟริกาใต้ (53%) สะท้อนให้เห็นว่าตลาดเอเชียและตลาดเกิดใหม่มีศักยภาพสูงสำหรับผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้
พฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคกลุ่มนี้มีลักษณะเฉพาะตัว ได้แก่ การให้ความสำคัญกับส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ การอ่านฉลากอย่างละเอียด ความมั่นใจต่อการทดสอบมาตรฐาน การเชื่อคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และที่สำคัญคือการหาข้อมูลอย่างจริงจังก่อนการตัดสินใจซื้อ
นอกจากนี้ ยังพบว่า 48% ของผู้บริโภคกลุ่ม "คลีนบิวตี้" ให้ความสำคัญกับคุณสมบัติผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพระดับพรีเมียม ขณะที่ 47% ให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์พรีเมียมของแบรนด์ สะท้อนให้เห็นว่าผู้บริโภคมองหาทั้งคุณภาพที่แท้จริงและภาพลักษณ์ที่น่าเชื่อถือควบคู่กันไป
จากประสบการณ์ 8 ปี สู่การรุกตลาดเต็มรูปแบบและผลิตภัณฑ์ใหม่
ด้วยประสบการณ์ในการทำตลาดผลิตภัณฑ์คลีนบิวตี้มากว่า 8 ปี แบรนด์ Her Hyness ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากผู้บริโภคชาวไทย โดยในปีที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายรวมสูงถึง 1,000 ล้านบาท จากผลิตภัณฑ์กว่า 7 กลุ่ม เช่น เซรั่ม มาส์กหน้า มอยส์เจอไรเซอร์ และกันแดด รวมทั้งสิ้นกว่า 30 เอสเคยู
ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มกันแดด ซึ่งเป็นตลาดที่มีมูลค่ารวมสูงถึง 6.1 พันล้านบาทต่อปี และเติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปีตั้งแต่ปี 2564 - 2567 โดยผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ชูจุดขายด้วยเทคโนโลยี Smart UV Adapt™ มีให้เลือก 2 ขนาดคือ ขนาด 30 มิลลิลิตร ราคา 1,190 บาท และขนาด 50 มิลลิลิตร ราคา 1,690 บาท วางจำหน่ายผ่านทุกช่องทางทั้งออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ ลาซาดา ช้อปปี้ อีฟแอนด์บอย บิวเทรี่ยม ติ๊กต๊อก และวัตสัน
เทคโนโลยีเอกสิทธิ์และการยกระดับแบรนด์ด้วย "หลิงหลิง ศิริลักษณ์ คอง"
"HER HYNESS ไม่ได้แค่เปิดตัวสินค้าใหม่ แต่ด้วยเทคโนโลยีเอกสิทธิ์ Smart UV Adapt™ ซึ่งชี้ให้เห็นหัวใจสำคัญของแนวคิด 'EMPOWER YOUR SKIN, EMBRACE THE SUN' หรือการบูสต์กลไกการทำงานของผิวตามธรรมชาติ ให้คุณกล้าใช้ชีวิตใต้แสงแดดอย่างมั่นใจ เป็นการยกระดับนวัตกรรมคลีนบิวตี้สกินแคร์" นางสาวกัญญฉัชฌ์กล่าว
พร้อมกันนี้ แบรนด์ได้ประกาศการต่อยอดการสื่อสารแบรนด์ด้วยการเปิดตัว "หลิงหลิง - ศิริลักษณ์ คอง" ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ HER HYNESS ซึ่งไม่ใช่เพียงการเพิ่มสีสันให้กับแคมเปญ แต่เป็นการยกระดับการสื่อสารแบรนด์ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้นในมิติที่แบรนด์ไม่เคยทำมาก่อน
"แคมเปญนี้คือจุดเปลี่ยนสำคัญของ HER HYNESS ในการขยับจากแบรนด์ที่เติบโตจากคุณภาพสินค้า สู่การสร้างบทสนทนากับคนยุคใหม่ในวงกว้าง ด้วยเทคโนโลยี Smart UV Adapt™ ที่พลิกบทบาทของกันแดดจากการเป็นเพียงเกราะป้องกัน สู่การเป็นระบบเสริมพลังให้ผิวมีภูมิคุ้มกันของตัวเอง" นางสาวกัญญฉัชฌ์อธิบายเพิ่มเติม
การได้ "หลิงหลิง – ศิริลักษณ์ คอง" มาร่วมงานในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ ถือเป็นการแสดงจุดยืนของ HER HYNESS ว่าแบรนด์กำลังพูดคุยกับผู้บริโภคที่กล้าคิด กล้าเลือก และใช้ชีวิตด้วยความมั่นใจ เพื่อขยายและส่งต่อพลังนั้นไปยังทุกคนที่พร้อมเป็นตัวของตัวเองในแบบที่ดีที่สุด และเป็นการตอกย้ำความเป็นแบรนด์คลีนบิวตี้ระดับโลกจากฝีมือคนไทย
5 ปัจจัยความสำเร็จของ HER HYNESS
แนวทางการทำตลาดที่ประสบความสำเร็จของ HER HYNESS ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มาจากกลยุทธ์ที่วางแผนอย่างรอบคอบ 5 ประการ ได้แก่
1. การขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยการวาง Brand Position ที่เอื้อต่อการเติบโตระยะยาวและระดับโลก (Think Ahead Positioning)
HER HYNESS เลือกวาง Brand Position เป็น "Clinically proven clean beauty" มาตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์เมื่อ 8 ปีที่แล้ว จากการที่ผู้ก่อตั้งมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมบิวตี้ระดับโลกมาก่อน ทำให้มองเห็นเทรนด์ความงามที่จะเติบโตในระยะยาวและวางตำแหน่งแบรนด์ได้อย่างแม่นยำ
2. การขับเคลื่อนแบรนด์ด้วย "วิชาทำเกิน" (Beyond Standard, Build Iconic Products)
แบรนด์ให้ความสำคัญกับกระบวนการวิจัยและพัฒนามากกว่าความเร็วในการออกสู่ตลาด โดยผลิตภัณฑ์แต่ละตัวจะใช้เวลาอย่างน้อย 12 เดือน และมีการทดสอบมากกว่า 40–50 สูตรก่อนจะสรุปออกเป็นสูตรจำหน่ายจริง เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดมีคุณภาพเหนือมาตรฐานทั่วไป
3. การขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยการสร้างประสบการณ์แบบไร้รอยต่อ (Seamless Brand Experience)
HER HYNESS ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงยอดขายจากช่องทางใดช่องทางหนึ่ง แต่ลงทุนสร้าง Brand Experience ที่สอดคล้องกันทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ปัจจุบันวางจำหน่ายในทุกแพลตฟอร์มและร้านบิวตี้สโตร์ชั้นนำทั่วประเทศ และบริหารพอร์ตโฟลิโอให้มีความสมดุลระหว่างช่องทางต่างๆ
4. การขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยลูกค้าตัวจริง (Fan-Driven Growth)
คอนเทนต์ที่พูดถึงแบรนด์ส่วนใหญ่มาจากรีวิว แชท และโพสต์จากผู้ใช้จริง ทั้งลูกค้าในประเทศไทยและลูกค้าต่างชาติ รวมถึง Influencer ระดับโลก สะท้อนว่าแบรนด์ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคอย่างแท้จริง
5. การขับเคลื่อนแบรนด์ด้วยทีมงานที่มี Global Mindset (Teamwork with Global Mindset)
HER HYNESS ก่อตั้งโดยทีมผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์การศึกษาและการทำงานในองค์กรชั้นนำระดับโลก ได้แก่ นางสาวกัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ ซึ่งเคยทำงานในอุตสาหกรรมแบรนด์ความงามระดับโลก อาทิ L'Oréal และ Estée Lauder ในประเทศสิงคโปร์ ไทย และจีน, นายเจฟ เลิศธนไพบูลย์ ผู้มีประสบการณ์ในสายการเงินระดับโลกที่ Goldman Sachs ทั้งที่นิวยอร์กและฮ่องกง และ นายปิยะภาพ เลิศธนไพบูลย์ ผู้มีประสบการณ์จากสถาบันการเงินชั้นนำอย่าง Merrill Lynch, Citi และ Robert Baird ทั้งที่ฮ่องกง ไต้หวัน และจีน
ด้วยการผสมผสานระหว่างวิสัยทัศน์ระดับโลกและความเข้าใจตลาดท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง ทำให้ HER HYNESS สามารถสร้างแบรนด์คลีนบิวตี้สัญชาติไทยที่มีศักยภาพเทียบเท่าแบรนด์ระดับโลก และพร้อมที่จะก้าวไปสู่เวทีนานาชาติในอนาคตอันใกล้
