วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเปิดเผยข่าวสำคัญที่จะเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ของประเทศไทย เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ประชุมและมีมติเห็นชอบในหลักการให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ FIA FORMULA ONE WORLD CHAMPIONSHIP หรือที่รู้จักกันในนาม Formula One (F1) เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติ
เส้นทางสู่การเป็นเจ้าภาพ F1 ของไทย
การตัดสินใจครั้งนี้เป็นผลมาจากการศึกษาอย่างละเอียดและรอบคอบที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มต้นจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567 ที่ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ สสปน. ทำการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้ในการจัดการแข่งขันรถยนต์ Formula One ในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ศึกษารายละเอียดด้านสนามแข่งขันที่เหมาะสมและการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงให้กรุงเทพมหานครพิจารณาจัดทำแผนการพัฒนาพื้นที่เพื่อรองรับการจัดการแข่งขันดังกล่าว
การศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการโดยความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ได้แก่ สสปน. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) สำนักงบประมาณ (สงป.) กกท. กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
สนามแข่งขันในใจกลางกรุงเทพฯ
หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของโครงการนี้คือการเลือกสถานที่จัดการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นสนาม Street Circuit ที่จัดขึ้นในใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะบริเวณสวนจตุจักร ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เส้นทางการแข่งขัน จะเริ่มต้นจากบริเวณสวนจตุจักรและต่อเนื่องไปยังสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ (สถานีรถไฟความเร็วสูง) ด้วยระยะทางทั้งหมด 5.7 กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยของโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมกับเสน่ห์ของแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ
การเลือกใช้รูปแบบ Street Circuit นี้จะทำให้การแข่งขัน Formula One ในไทยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยนักแข่งและผู้ชมจะได้สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองหลวงที่มีชีวิตชีวา ไปพร้อมกับความตื่นเต้นเร้าใจของการแข่งขันรถยนต์ระดับโลก
รูปแบบและระยะเวลาการจัดงาน
การแข่งขัน Formula One ในประเทศไทยจะมีการจัดขึ้นเป็นเวลา 5 ปี ติดต่อกัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2571-2575 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการเป็นเจ้าภาพที่ยั่งยืนและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศในระยะยาว
รูปแบบการจัดงาน จะเป็นการแข่งขันต่อเนื่องกันเป็นเวลา 3 วัน ได้แก่ วันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ซึ่งเป็นรูปแบบมาตรฐานของการแข่งขัน Formula One ทั่วโลก โดยในแต่ละวันจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ตั้งแต่การฝึกซ้อม การวิ่งคัดเลือก และการแข่งขันจริง
การจัดงานในช่วงสุดสัปดาห์นี้จะช่วยให้ผู้ชมทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวสามารถเข้าร่วมชมการแข่งขันได้อย่างสะดวก โดยไม่กระทบต่อกิจกรรมในวันธรรมดา และยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในช่วงสุดสัปดาห์อีกด้วย
งบประมาณและการลงทุน
โครงการจัดการแข่งขัน Formula One ในประเทศไทยครั้งนี้ถือเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ที่ต้องใช้งบประมาณรวม 41,379 ล้านบาท สำหรับทั้ง 5 ปี ซึ่งครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การปรับปรุงสนามแข่งขัน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่างๆ
งบประมาณเร่งด่วน ในส่วนของค่าออกแบบรายละเอียด (Detailed Design) จำนวน 218 ล้านบาท ได้รับการอนุมัติเป็นลำดับแรก เพื่อให้สามารถเริ่มต้นการออกแบบและวางแผนโครงการได้ทันที โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นหน่วยงานหลักในการขอรับจัดสรรงบประมาณตามขั้นตอนต่อไป
การแบ่งงบประมาณออกเป็นส่วนๆ นี้แสดงให้เห็นถึงการวางแผนที่รอบคอบ โดยเริ่มจากการออกแบบที่ละเอียดก่อน จากนั้นจึงดำเนินการก่อสร้างและพัฒนาตามลำดับขั้นตอน
ความร่วมมือจากภาคเอกชน
เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของภาครัฐและสร้างความยั่งยืนให้กับโครงการ คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้มีการขอรับการสนับสนุนจากภาคเอกชน ซึ่งเป็นแนวทางที่หลายประเทศที่จัดการแข่งขัน Formula One ได้นำมาใช้อย่างประสบความสำเร็จ
รูปแบบการสนับสนุน จากภาคเอกชนอาจมาในหลากหลายรูปแบบ เช่น การเป็นสปอนเซอร์หลัก การสนับสนุนด้านเทคโนโลยี การให้บริการ หรือการร่วมลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานบางส่วน
หากการสนับสนุนจากภาคเอกชนไม่เพียงพอ รัฐบาลสามารถตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มเติมตามความจำเป็นและความเหมาะสม ในขณะเดียวกัน หากได้รับการสนับสนุนเกินความต้องการและมีเงินคงเหลือ รัฐบาลจะดำเนินการนำส่งและคืนเงินตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง
ผลกระทบทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One คาดว่าจะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สำคัญต่อประเทศไทย โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว การบริการ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
การท่องเที่ยว จะได้รับประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากการแข่งขัน Formula One เป็นกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวระดับสูงจากทั่วโลก ซึ่งมักจะมีกำลังซื้อสูงและใช้จ่ายในระดับพรีเมียม นักท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะมาชมการแข่งขันเท่านั้น แต่ยังจะใช้เวลาท่องเที่ยวในประเทศไทยด้วย
อุตสาหกรรมโรงแรมและที่พัก จะได้รับผลกระทบเชิงบวกอย่างชัดเจน โดยเฉพาะโรงแรมระดับ 4-5 ดาวในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งคาดว่าจะมีอัตราการเข้าพักเต็มในช่วงการจัดงาน
ภาคการบิน ทั้งสายการบินและท่าอากาศยานจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสาร โดยเฉพาะเที่ยวบินจากยุโรป อเมริกา และประเทศในเอเชียที่มีแฟน Formula One จำนวนมาก
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One จะต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานในหลายด้าน เพื่อให้สามารถรองรับมาตรฐานสากลของการแข่งขันระดับโลก
ระบบขนส่งมวลชน รอบบริเวณสนามแข่งขันจะต้องได้รับการปรับปรุงเพื่อรองรับจำนวนผู้ชมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการเชื่อมต่อระหว่างรถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT และระบบขนส่งอื่นๆ ให้สามารถรองรับผู้คนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การจราจร ในช่วงการจัดงานจะต้องมีการวางแผนและจัดการอย่างพิเศษ เนื่องจากการปิดถนนบางเส้นทางสำหรับการแข่งขันและการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้คนในพื้นที่
สิ่งอำนวยความสะดวก ต่างๆ เช่น ที่จอดรถ ห้องน้ำสาธารณะ ระบบสื่อสาร และระบบรักษาความปลอดภัย จะต้องได้รับการขยายและปรับปรุงให้สามารถรองรับการจัดงานขนาดใหญ่ได้
มาตรฐานความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย
การแข่งขัน Formula One มีมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวดมาก ทั้งสำหรับนักแข่ง ทีมงาน และผู้ชม ไทยจะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
ความปลอดภัยของสนาม จะต้องผ่านการตรวจสอบและรับรองจาก FIA (Fédération Internationale de l'Automobile) ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลการแข่งขันรถยนต์ระดับโลก โดยจะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันที่ทันสมัย เช่น กำแพงกันกระแทก ระบบดับเพลิง และเส้นทางหลบหนีฉุกเฉิน
การรักษาความปลอดภัย ในระดับประเทศจะต้องมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ เช่น ตำรวจ กองทัพ และหน่วยงานรักษาความปลอดภัยอื่นๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการจัดงานจะปลอดภัยสำหรับทุกคน
การจัดการฝูงชน จะต้องมีแผนและระบบที่ชัดเจนในการควบคุมและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ชมจำนวนมาก รวมถึงแผนฉุกเฉินในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
การจัดการแข่งขัน Formula One ในใจกลางกรุงเทพฯ จะมีผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมในหลายด้าน ซึ่งจำเป็นต้องมีการวางแผนและจัดการอย่างรอบคอบ
ผลกระทบต่อชุมชน ในพื้นที่ใกล้เคียงจะได้รับทั้งผลดีและผลเสีย ในด้านบวก ชุมชนจะได้รับประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แต่ในด้านลบ อาจต้องเผชิญกับปัญหาเสียงดัง การจราจรติดขัด และการรบกวนในช่วงการเตรียมงานและจัดงาน
การจัดการสิ่งแวดล้อม จะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อคุณภาพอากาศ ระดับเสียง และการจัดการขยะ โดยจะต้องมีมาตรการลดผลกระทบและการชดเชยที่เหมาะสม
การพัฒนาอย่างยั่งยืน ของพื้นที่โดยรอบจะต้องคำนึงถึงการใช้ประโยชน์ในระยะยาวหลังจากสิ้นสุดการจัดการแข่งขัน เพื่อให้โครงสร้างพื้นฐานที่พัฒนาขึ้นสามารถใช้ประโยชน์ต่อไปได้
การเตรียมความพร้อมของบุคลากร
การจัดการแข่งขัน Formula One ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในหลากหลายสาขา ไทยจะต้องเตรียมความพร้อมและพัฒนาบุคลากรให้สามารถรองรับการจัดงานระดับโลกได้
การฝึกอบรม บุคลากรในด้านต่างๆ เช่น การจัดการงานกีฬา การบริการลูกค้า การรักษาความปลอดภัย และการจัดการจราจร จะต้องได้รับการพัฒนาอย่างเป็นระบบ
การถ่ายทอดความรู้ จากผู้เชี่ยวชาญระดับสากลและการแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับประเทศอื่นๆ ที่เคยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One จะเป็นสิ่งสำคัญ
การพัฒนาทักษะภาษา โดยเฉพาะภาษาอังกฤษและภาษาอื่นๆ ที่จำเป็นในการสื่อสารกับนักท่องเที่ยวและบุคลากรต่างชาติจะต้องได้รับการส่งเสริม
เทคโนโลยีและนวัตกรรม
การแข่งขัน Formula One เป็นกีฬาที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นแหล่งนวัตกรรมที่สำคัญ การเป็นเจ้าภาพจะเป็นโอกาสให้ไทยได้เรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีในหลายด้าน
เทคโนโลยีการแข่งขัน เช่น ระบบจับเวลา ระบบสื่อสาร ระบบติดตามและการถ่ายทอดสด จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลสูงสุด
นวัตกรรมทางการแพทย์ และการกู้ภัยที่ใช้ในการแข่งขัน Formula One สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินของไทยได้
เทคโนโลยีสีเขียว และความยั่งยืนที่เป็นเทรนด์ใหม่ของ Formula One จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีสิ่งแวดล้อมในไทย
การตลาดและการประชาสัมพันธ์
การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One จะเป็นเครื่องมือการตลาดที่ทรงพลังในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของไทยในเวทีโลก
การประชาสัมพันธ์ประเทศ ผ่านการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกจะช่วยให้ไทยได้รับการรู้จักในฐานะประเทศที่ทันสมัยและสามารถจัดงานระดับโลกได้
การส่งเสริมการท่องเที่ยว จะได้รับประโยชน์จากการเปิดรับแสงสปอร์ตไลท์ระดับโลก โดยเฉพาะการแสดงความงามของกรุงเทพฯ และสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ของไทย
การสร้างแบรนด์ ของไทยในฐานะปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวกีฬาและกิจกรรมระดับโลกจะได้รับการเสริมสร้าง
ความท้าทายและการจัดการความเสี่ยง
การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One มีความท้าทายหลายประการที่ต้องมีการเตรียมความพร้อมและจัดการอย่างรอบคอบ
ความท้าทายด้านโลจิสติกส์ ในการขนส่งอุปกรณ์และยานพาหนะของทีมต่างๆ มายังไทย รวมถึงการจัดเก็บและการรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์เหล่านั้น
ความท้าทายด้านการเงิน ในการบริหารงบประมาณขนาดใหญ่และการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในกรอบที่กำหนด
ความท้าทายด้านการจัดการ กิจกรรมขนาดใหญ่ที่ต้องประสานงานระหว่างหน่วยงานหลายแห่งทั้งภาครัฐและเอกชน
การจัดการความเสี่ยง ด้านสภาพอากาศ การเมือง เศรษฐกิจ และสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการจัดงาน
ผลกระทบระยะยาวต่อการกีฬาไทย
การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อการพัฒนาการกีฬาในประเทศไทยหลายด้าน
การพัฒนากีฬามอเตอร์สปอร์ต ในไทยจะได้รับการส่งเสริมอย่างมาก ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากร และการสร้างฐานแฟนกีฬา
การพัฒนานักกีฬา ไทยในสาขามอเตอร์สปอร์ตจะมีโอกาสเรียนรู้จากมาตรฐานระดับโลกและมีเป้าหมายในการพัฒนาตนเองให้ถึงระดับสากล
การพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อะไหล่ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับมอเตอร์สปอร์ต
การสร้างมาตรฐานใหม่ ในการจัดการแข่งขันกีฬาระดับโลกที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับกีฬาประเภทอื่นๆ ได้
เส้นทางสู่ความสำเร็จ
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ได้กล่าวเน้นย้ำถึงความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพ โดยระบุว่า "ครม.ได้เห็นชอบการดำเนินการจัดการแข่งขัน Formula One ซึ่งจะจัดขึ้น 3 วันต่อปี เป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2571-2575 ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทย โดยที่ผ่านมา FIA ได้เข้ามาตรวจสอบแล้วหลายครั้ง"
การที่ FIA ได้เข้ามาตรวจสอบแล้วหลายครั้งแสดงให้เห็นถึงความจริงจังและความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นสัญญาณบวกที่แสดงถึงโอกาสความสำเร็จของโครงการนี้
ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการเสนอประมูลอย่างเป็นทางการต่อ FIA และการแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ที่สนใจเป็นเจ้าภาพ ซึ่งไทยจะต้องแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในทุกด้าน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน การเงิน และการสนับสนุนจากรัฐบาลและประชาชน
บทสรุป
การที่คณะรัฐมนตรีไทยให้ไฟเขียวสำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One ถือเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์การกีฬาและการท่องเที่ยวของประเทศ โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะนำความตื่นเต้นของการแข่งขันรถยนต์ระดับโลกมาสู่ไทย แต่ยังจะเป็นการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลก
งบลงทุนที่กว่า 4 หมื่นล้านบาทสำหรับ 5 ปี แม้จะเป็นจำนวนที่มาก แต่เมื่อพิจารณาถึงผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและมีศักยภาพในการสร้างผลกำไรในระยะยาว
สนามแข่งขันในใจกลางกรุงเทพฯ ที่เชื่อมต่อระหว่างสวนจตุจักรและสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ จะเป็นการผสมผสานระหว่างเสน่ห์ของเมืองหลวงกับความทันสมัยของเทคโนโลยีการขนส่ง ซึ่งจะสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวและความประทับใจให้กับนักแข่ง ทีมงาน และผู้ชมจากทั่วโลก
ความสำเร็จของโครงการนี้จะขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบระหว่างหน่วยงานต่างๆ การสนับสนุนจากภาคเอกชน และความร่วมมือจากประชาชน หากทุกฝ่ายสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไทยจะเป็นอีกหนึ่งประเทศในภูมิภาคเอเชียที่ประสบความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Formula One และสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตของไทยและของโลก