เหตุการณ์สุดประทับใจเกิดขึ้นเมื่อคืนวานนี้ที่จังหวัดปราจีนบุรี เมื่อหญิงสาววัย 24 ปี คลอดลูกชายบนรถยนต์ส่วนตัวขณะเดินทางกลับบ้านเกิด ก่อนได้รับความช่วยเหลือจากทีมอาสากู้ภัยทางหลวงจนปลอดภัยทั้งแม่และลูก ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยเผยจะนำเลขทะเบียนรถดังกล่าวไปเสี่ยงโชคซื้อลอตเตอรี่งวดหน้า
ช่วงเย็นวันที่ 21 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 18.20 น. สมาคมอาสากู้ภัยทางหลวง 359 แยกกรอกสมบูรณ์ จังหวัดปราจีนบุรี ได้รับการแจ้งขอความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากประชาชน กรณีหญิงสาวท้องแก่วัย 24 ปี มีอาการเจ็บท้องรุนแรง และได้คลอดลูกบนรถยนต์ส่วนตัวในขณะเดินทาง
คู่สามีภรรยาคู่นี้กำลังเดินทางจากจังหวัดชลบุรี มุ่งหน้ากลับบ้านเกิดที่จังหวัดสุรินทร์ โดยได้ผ่านเขาหินซ้อนและโรงพยาบาลพนมมาแล้ว แต่เมื่อมาถึงบริเวณทางต่างระดับเขาหินซ้อน ภรรยาได้บอกกับสามีว่ามีอาการปวดท้องจะคลอด และไม่นานหลังจากนั้นทารกก็หลุดออกมาทันที
ด้วยความตกใจและไม่รู้จะทำอย่างไร คู่สามีภรรยาจึงได้ขับรถมาบนถนนหมายเลข 359 และมาจอดขอความช่วยเหลือที่หน่วยอาสากู้ภัยทางหลวง ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนหมายเลข 359 เส้นฉะเชิงเทรา-สระแก้ว อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี
การช่วยเหลือเบื้องต้น
เมื่อทีมอาสากู้ภัยเดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุ พบว่าหญิงสาวซึ่งเป็นแม่ของทารกนั่งอยู่บริเวณเบาะข้างคนขับ โดยมีทารกแรกเกิดอยู่ในอ้อมกอด สภาพของแม่ในขณะนั้นมีอาการอ่อนเพลียอย่างมาก เนื่องจากเสียเลือดเป็นจำนวนมาก มีคราบเลือดไหลหยดลงมาบริเวณเบาะที่นั่งและพื้นรถ
สำหรับทารกแรกเกิดที่คลอดออกมานั้น เป็นเด็กชาย มีน้ำหนัก 3,015 กรัม แต่ในขณะนั้นยังคงมีสายรกติดอยู่กับตัวเด็ก และพบว่าผิวหนังของทารกมีสีออกม่วง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ทีมอาสากู้ภัยได้ดำเนินการช่วยเหลือเบื้องต้นโดยการเปิดประตูรถให้กว้างเพื่อให้อากาศถ่ายเท และให้ทั้งแม่และลูกได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ พร้อมทั้งได้โทรประสานเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลกรอกสมบูรณ์ เข้าทำการช่วยเหลือในเรื่องการตัดสายรก
คำให้การของเจ้าหน้าที่กู้ภัย
นายทวีศักดิ์ ศรีทอง อาสากู้ภัยทางหลวงผู้เข้าช่วยเหลือในครั้งนี้ ได้ให้การเล่าถึงเหตุการณ์ว่า ตนได้รับการขอความช่วยเหลือในตอนเย็นวานนี้ ซึ่งเมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุ พบสภาพที่น่าตกใจและต้องการการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
“เมื่อเข้าไปตรวจสอบพบว่าน้องผู้หญิงซึ่งเป็นแม่ของเด็กนั่งอยู่บริเวณเบาะหน้า โดยมีทารกแรกเกิดอยู่ในอ้อมกอด ยังคงมีสายรกติดอยู่กับตัวทารก และพบว่าผิวหนังของทารกออกสีม่วง” นายทวีศักดิ์เล่า
เขากล่าวต่อว่า ในขณะนั้นแม่ของเด็กมีอาการอ่อนเพลียเนื่องจากเสียเลือดเป็นจำนวนมาก แต่ทารกแรกเกิดสามารถร้องไห้และขยับตัวได้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าเด็กมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง
การช่วยเหลือในครั้งนี้ต้องใช้ความเร่งรีบและความระมัดระวังสูง เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ซับซ้อนและต้องการความชำนาญ ทีมงานได้แยกตัวเด็กและแม่ออกจากรถส่วนตัว และนำขึ้นรถกู้ชีพของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ เพื่อรีบนำส่งโรงพยาบาลศรีมหาโพธิเพื่อรับการรักษาต่อไป
สภาพปัจจุบันของแม่และเด็ก
ล่าสุดได้รับรายงานจากโรงพยาบาลศรีมหาโพธิแล้วว่า ทั้งแม่และทารกแรกเกิดมีสภาพปลอดภัยดี แม่ของเด็กได้รับการรักษาและดูแลอย่างใกล้ชิด โดยแพทย์ได้ทำการตรวจสอบสุขภาพอย่างละเอียด และพบว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ ที่น่าเป็นห่วง
สำหรับทารกชายแรกเกิดน้ำหนัก 3,015 กรัม ก็ได้รับการตรวจสอบจากกุมารแพทย์แล้ว และพบว่ามีสภาพร่างกายปกติดี การหายใจเป็นไปตามปกติ และสัญญาณชีพต่าง ๆ อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ทำให้ทีมแพทย์มั่นใจว่าทารกจะเติบโตได้อย่างแข็งแรงต่อไป
ครอบครัวของทั้งคู่ได้เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจแล้ว โดยต่างแสดงความขอบคุณต่อทีมอาสากู้ภัยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ได้ให้ความช่วยเหลือจนเหตุการณ์ผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย
ความเชื่อเรื่องโชคลาภ
ในส่วนของความเชื่อเรื่องโชคลาภ นายทวีศักดิ์ ศรีทอง ได้เปิดเผยว่า ตนมีความเชื่อในเรื่องของความเป็นสิริมงคล
โดยจะนำเลขทะเบียนรถยนต์ส่วนตัวของคู่สามีภرรยาดังกล่าว ซึ่งเป็นเลข 9227 ไปเสี่ยงโชคซื้อลอตเตอรี่ในงวดที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่จะถึงนี้
“ผมมีความเชื่อในเรื่องของความเป็นสิริมงคล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่มงคลมาก การที่ได้ช่วยเหลือในการนำชีวิตใหม่มาสู่โลกนี้ ทำให้รู้สึกว่าเป็นสิริมงคลอย่างยิ่ง จึงอยากจะเก็บความมงคลนี้ไว้โดยการนำเลขทะเบียนรถไปซื้อลอตเตอรี่” นายทวีศักดิ์กล่าว
เขากล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากจะเป็นการเสี่ยงโชคแล้ว การกระทำนี้ยังเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ดี ๆ ที่เกิดขึ้น และเป็นการแบ่งปันความสุขที่ได้จากการช่วยเหลือผู้อื่นในยามจำเป็น
ความรู้สึกของเจ้าหน้าที่กู้ภัย
นายทวีศักดิ์ได้แสดงความรู้สึกเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า รู้สึกประทับใจและตื้นตันใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะรู้สึกว่าตนเองช่วยเหลือได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร แต่ก็ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วयเหลือให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย
“ผมรู้สึกดีใจและยินดีกับคุณพ่อคุณแม่ของน้องทารกคนนี้มาก การได้เห็นชีวิตใหม่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา มันเป็นประสบการณ์ที่ประทับใจมาก ผมเคยเห็นแต่ในข่าว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้พบเห็นกับตัวเอง” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงซาบซึ้ง
เจ้าหน้าที่กู้ภัยท่านนี้ยังกล่าวอีกว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เขาเข้าใจถึงความสำคัญของการทำงานในฐานะอาสากู้ภัยมากยิ่งขึ้น และรู้สึกภูมิใจที่ได้ทำงานที่มีความหมายและสามารถช่วยเหลือผู้อื่นในยามจำเป็น
บทเรียนและข้อคิดจากเหตุการณ์
เหตุการณ์ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมีระบบกู้ภัยและการแพทย์ฉุกเฉินที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง การที่มีหน่วยอาสากู้ภัยตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ตามเส้นทางสายหลัก ทำให้สามารถเข้าถึงและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
สำหรับคู่สามีภรรยาที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้ แม้จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดและน่าตกใจ แต่การที่พวกเขาสามารถรักษาสติและขอความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เหตุการณ์ผ่านพ้นไปได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ เหตุการณ์นี้ยังแสดงให้เห็นถึงจิตสำนึกการช่วยเหลือผู้อื่นของอาสากู้ภัยไทย ที่พร้อมเสียสละเวลาและกำลังในการช่วยเหลือประชาชนโดยไม่คิดค่าตอบแทน การทำงานด้วยความเอาใจใส่และความรับผิดชอบ ทำให้การกู้ภัยและการแพทย์ฉุกเฉินของไทยได้รับการยอมรับในระดับสากล
คำแนะนำสำหรับหญิงมีครรภ์
เหตุการณ์นี้เป็นการเตือนใจสำหรับหญิงมีครรภ์ที่จะต้องคลอด โดยเฉพาะในกรณีที่ต้องเดินทางไกล ควรมีการเตรียมตัวและวางแผนการเดินทางอย่างรอบคอบ มีการประเมินความเสี่ยงและเตรียมแผนสำรองในกรณีฉุกเฉิน
แพทย์แนะนำว่า หญิงมีครรภ์ที่ใกล้กำหนดคลอดควรหลีกเลี่ยงการเดินทางไกล หากจำเป็นต้องเดินทาง ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อน และควรเดินทางไปยังสถานที่ที่มีโรงพยาบาลหรือสถานพยาบาลที่สามารถให้การรักษาได้อย่างเพียงพอ
นอกจากนี้ ควรมีการเตรียมข้อมูลติดต่อหน่วยกู้ภัยและโรงพยาบาลในเส้นทางที่จะเดินทาง รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์ฉุกเฉินพื้นฐานไว้ในรถ เพื่อให้สามารถจัดการเบื้องต้นได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
การติดตามผล
ทางโรงพยาบาลศรีมหาโพธิแจ้งว่า จะมีการติดตามสุขภาพของทั้งแม่และทารกอย่างใกล้ชิดในระยะหลังคลอด เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งคู่จะมีสุขภาพที่แข็งแรงและไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ
สำหรับครอบครัวของทั้งคู่ ได้แสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อทีมอาสากู้ภัยและเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ทุกท่านที่ได้ให้ความช่วยเหลือ พวกเขากล่าวว่า หากไม่มีความช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีในครั้งนี้ อาจจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้
ขณะเดียวกัน สมาคมอาสากู้ภัยทางหลวง 359 ได้ใช้เหตุการณ์นี้เป็นกรณีศึกษาในการฝึกอบรมอาสากู้ภัยรุ่นใหม่ เพื่อให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่หลากหลายและซับซ้อน
เหตุการณ์ในครั้งนี้จึงกลายเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจและเป็นแรงบันดาลใจ แสดงให้เห็นถึงการทำงานร่วมกันของคนไทยในการช่วยเหลือผู้อื่น และเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความมงคลสำหรับครอบครัวเล็ก ๆ คู่นี้