ปัจจุบันรัฐบาลได้ออกมาตรการ “ยกระดับความปลอดภัยในการใช้โมบายแบงกิ้ง” เพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และบัญชีม้า ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง มาตรการนี้มีเป้าหมายสำคัญคือการตรวจสอบให้ชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ เพื่อป้องกันการสวมรอยและการใช้บัญชีผู้อื่นในการกระทำความผิด หากไม่ดำเนินการแก้ไขให้ข้อมูลตรงกันภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 อาจถูกระงับการใช้บริการโมบายแบงกิ้งชั่วคราว
ความเป็นมาของมาตรการ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้เปิดเผยถึงมาตรการนี้ว่าเป็นหนึ่งในความพยายามของรัฐบาลในการสกัดกั้นบัญชีม้า โดยกำหนดให้มีการตรวจสอบความถูกต้องตรงกันระหว่างชื่อเจ้าของซิมมือถือและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้ง
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสมาคมธนาคารไทย ได้ร่วมกันออกมาตรการนี้เพื่อลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงทางการเงินและการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มักใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงินจากเหยื่อ
กลุ่มผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบ
จากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ ได้แบ่งผู้ใช้งานออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ดังนี้:
- กลุ่ม Y (Yes): ผู้ที่มีชื่อเจ้าของซิมและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งตรงกัน
- กลุ่ม N (No): ผู้ที่มีชื่อเจ้าของซิมและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งไม่ตรงกัน
- กลุ่ม P (Pending): ผู้ที่ระบบไม่พบชื่อเจ้าของซิม หรือไม่มีข้อมูลในระบบ
สำหรับ กลุ่ม Y ที่ชื่อเจ้าของซิมและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งตรงกันอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม สามารถใช้บริการโมบายแบงกิ้งได้ตามปกติ
แต่สำหรับ กลุ่ม N และกลุ่ม P ธนาคารต่างๆ ได้ทำการแจ้งเตือนไปยังลูกค้าผ่านโมบายแบงกิ้งตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยประชาชนที่ได้รับแจ้งจะต้องดำเนินการอัปเดตข้อมูลให้ชื่อเจ้าของซิมและชื่อผู้ใช้งานบัญชีโมบายแบงกิ้งหรือแอปธนาคารตรงกันภายในระยะเวลา 90 วัน ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เมษายน 2568 มิฉะนั้นจะถูกระงับการใช้งานชั่วคราว
วิธีตรวจสอบว่าเบอร์มือถือตรงกับชื่อในโมบายแบงกิ้งหรือไม่
การตรวจสอบสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยโทรศัพท์มือถือของท่าน โดยมีขั้นตอนดังนี้:
- เปิดแอปโทรศัพท์ หรือหน้าจอสำหรับโทรออก
- กด
*179*
ตามด้วยเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของท่าน แล้วตามด้วย#
- กดปุ่มโทรออก
- รอรับข้อความ SMS แจ้งผลการตรวจสอบ
ตัวอย่างการกด: *179*1234567890123#
แล้วกดโทรออก
การแปลผลข้อความที่ได้รับ
เมื่อท่านได้รับข้อความแจ้งผล จะมีรูปแบบดังนี้:
กรณีชื่อตรงกัน (กลุ่ม Y)
▪ xxxxxxxxxx ตรงกับ 0X-XXXX-XXXX
▪ ตรวจสอบ DD/MM/YY HH:MM
▪ ยังไม่ต้องดำเนินการใดๆ
หากได้รับข้อความในลักษณะนี้ แสดงว่าชื่อเจ้าของซิมมือถือและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งของท่านตรงกันแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ เพิ่มเติม สามารถใช้บริการโมบายแบงกิ้งได้ตามปกติ
กรณีชื่อไม่ตรงกัน (กลุ่ม N หรือ P)
▪ xxxxxxxxxx ไม่ตรงกับ 0X-XXXX-XXXX
▪ ตรวจสอบ DD/MM/YY HH:MM
▪ ดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนด
หากได้รับข้อความในลักษณะนี้ แสดงว่าชื่อเจ้าของซิมมือถือและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งของท่านไม่ตรงกัน หรือไม่พบข้อมูลในระบบ ท่านจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขก่อนวันที่ 30 เมษายน 2568
วิธีการแก้ไขกรณีชื่อไม่ตรงกัน
หากผลการตรวจสอบพบว่าชื่อเจ้าของซิมมือถือและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งของท่านไม่ตรงกัน มีทางเลือกในการแก้ไข 2 วิธี:
วิธีที่ 1: เปลี่ยนชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์มือถือ
ท่านสามารถติดต่อศูนย์บริการของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือของท่าน (AIS, dtac, TRUE หรือผู้ให้บริการรายอื่น) เพื่อดำเนินการเปลี่ยนชื่อเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ให้ตรงกับชื่อบัญชีที่ใช้โมบายแบงกิ้ง โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมักประกอบด้วย:
- บัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของเจ้าของเบอร์
- ซิมการ์ดหรือหมายเลขโทรศัพท์ที่ต้องการเปลี่ยนชื่อ
- เอกสารยืนยันการเป็นเจ้าของหมายเลข (ถ้ามี)
ขั้นตอนนี้อาจมีค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละผู้ให้บริการ
วิธีที่ 2: เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ที่ผูกกับโมบายแบงกิ้ง
อีกทางเลือกหนึ่งคือการติดต่อธนาคารที่ท่านใช้บริการโมบายแบงกิ้ง เพื่อขอเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับแอปพลิเคชันโมบายแบงกิ้งของท่านให้เป็นเบอร์ที่มีชื่อตรงกับบัญชีธนาคาร ซึ่งสามารถดำเนินการได้โดย:
- ติดต่อที่สาขาของธนาคาร: นำบัตรประจำตัวประชาชนและสมุดบัญชีเงินฝากไปติดต่อที่สาขาของธนาคาร
- ผ่านช่องทางออนไลน์: บางธนาคารอาจมีบริการเปลี่ยนแปลงข้อมูลผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ของธนาคาร
- ผ่านศูนย์บริการลูกค้าทางโทรศัพท์ (Call Center): สำหรับบางธนาคารที่มีบริการเปลี่ยนแปลงข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์
กรณีขอยกเว้นมาตรการ
ในบางกรณี อาจมีความจำเป็นที่ชื่อเจ้าของซิมและชื่อบัญชีโมบายแบงกิ้งไม่สามารถตรงกันได้ เช่น กรณีบุคคลในครอบครัว ผู้พิการ หรือนิติบุคคล ท่านสามารถขอยกเว้นมาตรการนี้ได้ โดยติดต่อสาขาของธนาคารเพื่อยื่นคำขอเข้ากลุ่มยกเว้น โดยกลุ่มที่สามารถขอยกเว้นได้ ประกอบด้วย:
- บุคคลในครอบครัว (สามี ภรรยา บุตร บิดา มารดา)
- ผู้ไร้ความสามารถ
- ผู้เสมือนไร้ความสามารถ
- ผู้พิการ
- กลุ่มนิติบุคคล
ทั้งนี้ ท่านจะต้องแสดงเอกสารยืนยันตัวตนและเอกสารพิสูจน์ความสัมพันธ์ ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568 เช่นกัน
ข้อควรระวังและคำแนะนำเพิ่มเติม
- ระวังมิจฉาชีพแอบอ้าง: อย่าหลงเชื่อข้อความหรือการติดต่อที่อ้างว่ามาจากธนาคารหรือหน่วยงานรัฐ แล้วขอข้อมูลส่วนตัว รหัสผ่าน หรือ OTP
- ตรวจสอบช่องทางการติดต่อที่เป็นทางการ: ควรติดต่อธนาคารหรือผู้ให้บริการโทรศัพท์ผ่านช่องทางที่เป็นทางการเท่านั้น
- เก็บหลักฐานการดำเนินการ: เมื่อท่านดำเนินการเปลี่ยนแปลงข้อมูลแล้ว ควรเก็บหลักฐานการดำเนินการไว้เผื่อกรณีมีปัญหาในภายหลัง
- ตรวจสอบซ้ำหลังดำเนินการ: หลังจากดำเนินการแก้ไขแล้ว ควรทำการตรวจสอบซ้ำอีกครั้งว่าข้อมูลตรงกันหรือไม่
กำหนดเวลาสำคัญที่ต้องจำ
- 1 กุมภาพันธ์ 2568: เริ่มต้นการแจ้งเตือนจากธนาคารถึงลูกค้าที่ข้อมูลไม่ตรงกัน
- 30 เมษายน 2568: วันสุดท้ายของการดำเนินการแก้ไขข้อมูลหรือขอยกเว้น หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด จะถูกระงับการใช้บริการโมบายแบงกิ้งชั่วคราว
การดำเนินมาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ และลดความเสี่ยงจากการถูกมิจฉาชีพหลอกลวง ดังนั้น การปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวจึงเป็นประโยชน์ต่อตัวท่านเองในระยะยาว ทั้งยังช่วยยกระดับความปลอดภัยของระบบการเงินดิจิทัลของประเทศไทยโดยรวมอีกด้วย