3 ตัวเน้นๆ! นักธุรกิจหนุ่มจ้างคณะรำวงย้อนยุคแก้บนหลวงพ่อนิลมณี วัดบางกุ้ง ล้วงไหขอเลขเด็ดงวด 2 พ.ค.

ข่าวด่วนวันนี้

เสียงกลองยาวดังกึกก้องไปทั่วบริเวณวัดบางกุ้งในยามบ่ายของวันที่ 25 เมษายน 2568 ขณะที่สายลมอ่อนๆ พัดผ่านกิ่งก้านของต้นโพธิ์ใหญ่ที่โอบล้อมโบสถ์เก่าแก่อายุกว่า 200 ปี เสียงใบไม้เสียดสีกันราวกับเสียงกระซิบจากอดีตกาล เล่าขานตำนานแห่งความศักดิ์สิทธิ์ที่สืบทอดมายาวนาน ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลมารวมตัวกันเพื่อชมการแสดงรำวงย้อนยุคที่ถูกจัดขึ้นเป็นพิเศษในวันนี้

นางสาวนภาพร เกตุสุริโย อายุ 32 ปี หัวหน้าคณะรำวงน้องโบว์’นภาพร คณะรำวงชื่อดังแห่งจังหวัดเพชรบุรี นำคณะนักแสดงทั้งหมด 15 คน มาร่วมแสดงการรำวงย้อนยุคเพื่อแก้บนหลวงพ่อนิลมณี พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัดบางกุ้ง ตามคำขอของนักธุรกิจหนุ่มผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ซึ่งได้บนบานหลวงพ่อไว้หลังจากประสบความสำเร็จในกิจการของเขา ก่อนการแสดงจะเริ่มขึ้น นภาพรและคณะได้เข้าไปกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อนิลมณี พร้อมทั้งล้วงไหลูกปิงปองเพื่อขอเลขเด็ด ได้เลข 145 สำหรับงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 ที่กำลังจะมาถึง

“ปกติหนูได้ยินชื่อเสียงของหลวงพ่อนิลมณีวัดบางกุ้งอยู่แล้วค่ะ” นภาพรเล่าด้วยน้ำเสียงเปี่ยมศรัทธา “ที่ผ่านมาน้องๆ ในคณะได้มาขอพรขอโชคลาภ กลับไปก็จะมีงานเข้า การเงินปังๆ ส่วนตัวหนูเองมัวแต่ยุ่งกับงาน ยังไม่มีเวลามา วันนี้เป็นโอกาสดีที่มีคนว่าจ้างมารำวงแก้บน หนูเลยพาคณะมาก่อนเวลา เพื่อมากราบไหว้ขอพรและขอโชคลาภลุ้นเลขเด็ดด้วย”

นายสมศักดิ์ สาไคล เจ้าหน้าที่ประจำวัดบางกุ้ง อธิบายว่า “นักท่องเที่ยวที่มาวัดบางกุ้งทุกวันนี้ส่วนใหญ่เป็นสายมูเตลู และมีคนมาบนบานต่อหลวงพ่อนิลมณีแล้วสมความปรารถนาอยู่เรื่อยๆ บางคนนำข้าวต้มมัดมาแก้บน บางรายได้ลาภก้อนโตก็นำก๋วยเตี๋ยวเรือมาแก้บน 300 ชาม และล่าสุดก็มีการเหมารำวงย้อนยุคมารำแก้บนถวายในวันนี้”

เขาเสริมว่า “ผมมักแนะนำให้ผู้มาขอพรว่าควรขอเพียงสิ่งเดียว เพื่อให้สัมฤทธิ์ผลเร็วๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการงาน การเงิน โชคลาภ โดยเฉพาะการขายที่ดิน เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา มีชาวอยุธยามาบนขอให้ขายที่ดินได้ พอกลับออกไปยังไม่ทันถึงบ้าน ก็มีคนติดต่อมาขอซื้อที่ดินในราคา 30 ล้านบาท ผมย้ำเสมอว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคล แต่ใครไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ผมอยู่มานานเจอคนที่ผ่านประสบการณ์มาเยอะ บางรายกำลังจะล้มละลายอยู่แล้ว พอมาขอพรหลวงพ่อนิลมณี กลับไปก็ฟื้นตัวขึ้นมาได้ จึงเรียกกันว่า ‘โบสถ์พลิกชีวิต’ และเชื่อกันว่าโบสถ์แห่งนี้ถูกลงคาถาอาคมเพื่อพลางตาศัตรูที่คิดร้าย หากใครดวงไม่ดีโดนคุณไสยมา เมื่อเข้ามาในโบสถ์แห่งนี้ก็จะหาย ทำให้ชีวิตพลิกผันในทางที่ดีขึ้นทันที วัดบางกุ้งเปิด 24 ชั่วโมง ส่วนใหญ่คนจะมาขอพรกันในยามดึก เพราะเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบและขอพรแล้วจะแม่นมาก”

ประวัติศาสตร์อันยาวนานของวัดบางกุ้ง

วัดบางกุ้งเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา นับเป็นวัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2308 เมื่อกองทัพพม่ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระเจ้าเอกทัศได้รับสั่งให้หัวเมืองปากใต้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้ง ณ ตำบลบางกุ้ง เมืองสมุทรสงคราม เรียกว่า “ค่ายบางกุ้ง” แต่เมื่อกองทัพพม่ายกทัพเข้ามาตามลำน้ำแม่กลองและบุกลงมาจนถึงค่ายบางกุ้ง กองทัพกรุงศรีอยุธยาไม่สามารถต้านทานไว้ได้ ค่ายบางกุ้งจึงแตก และพม่าสามารถตีกรุงศรีอยุธยาแตกในปี พ.ศ. 2310

ต่อมา เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ล่องเรือจากจันทบุรีมา พระองค์สามารถตียึดค่ายบางกุ้งแห่งนี้คืนได้สำเร็จ ก่อนที่จะกู้เอกราชและสถาปนากรุงธนบุรีขึ้นเป็นราชธานีใหม่

จุดเด่นที่ทำให้วัดบางกุ้งแตกต่างจากวัดอื่นๆ คือ โบสถ์ปรกโพธิ์หรือโบสถ์มหาอุด อายุกว่า 200 ปี ซึ่งถูกต้นไม้ใหญ่ 4 ชนิดปกคลุมอยู่ ได้แก่ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง นับเป็นโบสถ์ในต้นไม้แห่งเดียวในประเทศไทย นอกจากนี้ โบสถ์ยังไม่มีช่อฟ้าใบระกาตามแบบวัดไทยทั่วไป และถึงแม้โบสถ์จะเก่าแก่และทรุดโทรม แต่รากไม้เหล่านี้กลับเป็นตัวช่วยยึดให้โบสถ์ยังคงรูปได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand

ภายในโบสถ์ปรกโพธิ์นั้นประดิษฐานหลวงพ่อพุทธนิลมณี หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยสลักจากหินทรายแดง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านในละแวกนั้นและผู้คนจากทั่วประเทศให้ความเคารพนับถือ

ความศรัทธาและเรื่องเล่าอันศักดิ์สิทธิ์

ความศรัทธาต่อหลวงพ่อนิลมณีไม่ได้เกิดขึ้นลอยๆ แต่มีเรื่องเล่าและประสบการณ์ของผู้คนมากมายที่มาขอพรแล้วประสบความสำเร็จ เป็นแรงส่งเสริมให้ผู้คนหลั่งไหลมายังวัดบางกุ้งอย่างไม่ขาดสาย

นางสมศรี อายุ 58 ปี ชาวสมุทรสงคราม เล่าให้ฟังว่า “ดิฉันเคยมีปัญหาเรื่องค้าขาย ร้านอาหารที่เปิดมากว่า 10 ปีกำลังจะปิดตัวลง เพราะลูกค้าน้อยลงมาก หลังจากมาขอพรหลวงพ่อนิลมณี และบนว่าถ้าธุรกิจกลับมาดีจะนำก๋วยเตี๋ยวมาถวาย 100 ชาม ปรากฏว่าไม่ถึงเดือน มีคนมารีวิวร้านในโซเชียล ทำให้ร้านดังขึ้นมาทันที จนตอนนี้ต้องขยายร้านเพิ่ม ดิฉันก็เลยมาแก้บนตามที่สัญญาไว้”

นายวิชัย อายุ 45 ปี นักธุรกิจจากกรุงเทพฯ เล่าว่า “ผมเคยมีปัญหาเรื่องที่ดินที่ซื้อไว้นานแล้วขายไม่ออก เพื่อนแนะนำให้มาขอพรที่วัดบางกุ้ง ผมมาขอพรและบนไว้ว่าถ้าขายที่ดินได้จะมาถวายผ้าไตรจำนวน 9 ชุด หลังจากนั้นเพียง 2 สัปดาห์ มีบริษัทใหญ่มาติดต่อขอซื้อที่ดินในราคาที่สูงกว่าที่ผมตั้งไว้เสียอีก”

นางสาวพิมพ์ใจ อายุ 29 ปี พนักงานบริษัทเอกชน เล่าประสบการณ์ว่า “หนูเคยมีปัญหาเรื่องสุขภาพ เจ็บป่วยเรื้อรังรักษายังไงก็ไม่หาย หมอบอกว่าอาจเป็นโรคภูมิแพ้ตัวเอง แต่คุณป้าแนะนำให้มาวัดบางกุ้ง บอกว่าอาจโดนของ หนูก็เลยลองมา พอเข้าไปในโบสถ์ปรกโพธิ์ รู้สึกตัวร้อนวูบวาบแปลกๆ หลังจากนั้นอาการเจ็บป่วยก็ค่อยๆ ทุเลาลง จนหายเป็นปกติ โดยที่หนูไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมเลย”

เรื่องเล่าเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประสบการณ์มากมายที่ผู้คนได้รับหลังจากมาขอพรหลวงพ่อนิลมณี จนทำให้วัดบางกุ้งได้รับฉายาว่าเป็น “โบสถ์พลิกชีวิต” นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อว่าโบสถ์แห่งนี้ถูกลงคาถาอาคมเพื่อพลางตาศัตรูในอดีต และพลังแห่งคาถาอาคมนี้ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน ทำให้ผู้ที่มีดวงไม่ดีหรือถูกคุณไสย์ เมื่อเข้ามาในโบสถ์แล้วจะหายเป็นปลิดทิ้ง

การแก้บนด้วยการรำวงย้อนยุค

ขณะที่การแสดงรำวงย้อนยุคกำลังจะเริ่มขึ้น ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวต่างรุมล้อมเวทีการแสดงที่ตั้งอยู่บริเวณลานวัด บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักและรอยยิ้ม เสียงเพลงรำวงเริ่มบรรเลง สมาชิกคณะรำวงน้องโบว์’นภาพรในชุดไทยประยุกต์สีสันสดใสเริ่มออกมาเต้นรำอย่างพร้อมเพรียง

นภาพรเล่าว่า “คณะรำวงของเราเป็นการรำวงแบบย้อนยุค เน้นความสนุกสนานและความเป็นไทย นอกจากจะรับงานทั่วไปแล้ว เรายังรับงานแก้บนตามวัดต่างๆ ด้วย ล่าสุดนี้มีนักธุรกิจหนุ่มติดต่อมาให้มาแก้บนที่วัดบางกุ้ง เขาเล่าว่าเคยมาขอพรเรื่องธุรกิจที่กำลังย่ำแย่ หลังจากนั้นไม่นาน ธุรกิจก็เริ่มฟื้นตัว มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้น และได้รับสัญญาใหญ่หลายโครงการ เขาเลยบนไว้ว่าจะจ้างคณะรำวงมาแสดงถวาย”

การรำวงย้อนยุคดำเนินไปอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงปรบมือและเสียงหัวเราะของผู้ชม นักท่องเที่ยวหลายคนยังได้ร่วมขึ้นไปรำวงกับคณะนักแสดงด้วย สร้างบรรยากาศแห่งความสุขและความรื่นเริงให้กับทุกคนที่มาร่วมงาน

หลังจากการแสดงจบลง นักธุรกิจหนุ่มผู้ว่าจ้างคณะรำวง (ขอสงวนนาม) กล่าวด้วยความปลื้มปีติว่า “ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้มาแก้บนในวันนี้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ผมตั้งใจไว้ ผมเชื่อว่าหลวงพ่อนิลมณีคงพอใจกับการแก้บนครั้งนี้ ผมต้องขอบคุณคณะรำวงน้องโบว์ที่มาช่วยทำให้การแก้บนของผมสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี”

พลังศรัทธาและปรากฏการณ์เลขเด็ด

ความเชื่อในเรื่องเลขเด็ดเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นควบคู่ไปกับความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนิลมณี ผู้คนมักจะมาขอเลขเด็ดโดยวิธีการล้วงไหลูกปิงปอง ซึ่งเป็นภาชนะทรงกลมที่มีลูกปิงปองเขียนตัวเลขต่างๆ อยู่ภายใน ผู้ที่มาขอพรจะล้วงมือเข้าไปในไหและหยิบลูกปิงปองขึ้นมา ตัวเลขที่ได้จะถูกนำไปเสี่ยงโชคในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล

ชาวบ้านในละแวกนั้นเล่าว่า มีผู้ที่ถูกรางวัลจากการนำเลขที่ได้จากวัดบางกุ้งไปซื้อสลากกินแบ่งอยู่บ่อยครั้ง จนกลายเป็นที่เลื่องลือ และทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมาขอเลขเด็ดที่วัดแห่งนี้ในช่วงใกล้วันออกสลากกินแบ่งรัฐบาล

นางวรรณา อายุ 62 ปี ชาวสมุทรสงคราม เล่าว่า “ดิฉันเคยมาล้วงไหได้เลข 83 ไปซื้อสลากฯ ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 2 ได้เงินไปหลายล้าน ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันก็จะมาขอเลขที่นี่ทุกงวด แม้จะไม่ได้ถูกรางวัลใหญ่อีก แต่ก็มักจะได้เลขท้าย 2 ตัวอยู่บ่อยๆ”

นายประสิทธิ์ อายุ 55 ปี เล่าว่า “ผมเป็นคนละแวกนี้ เห็นคนแปลกหน้ามาขอเลขเด็ดที่วัดบางกุ้งอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็มากันเป็นรถบัสเลย โดยเฉพาะช่วงใกล้วันออกสลากฯ คนจะแน่นวัดมาก หลายคนบอกว่าเคยถูกรางวัลจากเลขที่ได้จากที่นี่”

นอกจากการล้วงไหลูกปิงปองแล้ว ยังมีวิธีการขอเลขเด็ดอื่นๆ อีก เช่น การนำกระดาษจดเลขไปวางไว้บนแท่นพระประธานในโบสถ์ แล้วอธิษฐานขอให้หลวงพ่อนิลมณีประทานเลขให้ เมื่อนำกระดาษกลับมา ก็จะมีเลขปรากฏบนกระดาษนั้น หรือบางคนก็ใช้วิธีการตีความจากสิ่งที่พบเห็นในบริเวณวัด เช่น เลขที่เห็นบนต้นไม้ จำนวนกิ่งก้าน หรือแม้แต่รอยแตกบนผนังโบสถ์ แล้วนำไปตีความเป็นตัวเลข

นภาพรและคณะรำวงได้ล้วงไหลูกปิงปองและได้เลข 145 เธอเล่าว่า “หนูตั้งใจจะนำเลขนี้ไปซื้อสลากฯ ในงวดวันที่ 2 พฤษภาคมนี้ รู้สึกว่าเลขนี้น่าจะเป็นเลขดี เพราะวันนี้เป็นวันพิเศษที่ได้มาทำบุญที่วัดบางกุ้ง”

บรรยากาศวัดบางกุ้งในปัจจุบัน

ปัจจุบัน วัดบางกุ้งไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนมาขอพรเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม อีกทั้งยังได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen Thailand เนื่องจากความแปลกและความสวยงามของโบสถ์ปรกโพธิ์

ทุกวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางมาเยี่ยมชมความมหัศจรรย์ของโบสถ์ที่ถูกรากไม้ปกคลุมอยู่ ถ่ายภาพเป็นที่ระลึก และกราบไหว้ขอพรหลวงพ่อนิลมณี โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดหรือเทศกาลสำคัญ วัดจะคับคั่งไปด้วยผู้คนจำนวนมาก

นายสมศักดิ์ เล่าว่า “วัดบางกุ้งเปิดให้เข้าชมตลอด 24 ชั่วโมง แต่ช่วงเวลาที่คนนิยมมาขอพรมากที่สุดคือช่วงกลางคืน เพราะเชื่อว่าเป็นช่วงเวลาที่ศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศเงียบสงบ ทำให้จิตใจสงบและการขอพรจะแม่นยำมากขึ้น บางคนมาตั้งแต่ตี 3 ตี 4 เพื่อขอพรหลวงพ่อนิลมณี”

การที่วัดบางกุ้งเปิดให้เข้าชมตลอด 24 ชั่วโมงนั้น นับเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งที่ไม่เหมือนวัดอื่นๆ ทำให้ผู้ที่มีความเชื่อและศรัทธาสามารถมาขอพรได้ทุกเวลาตามที่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นยามเช้า ยามบ่าย หรือแม้แต่ยามดึก

“คืนหนึ่งๆ อาจมีคนมาเป็นร้อยเลยนะครับ” นายสมศักดิ์กล่าว “บางคนมากันเป็นครอบครัว บางคนมาเป็นกลุ่มเพื่อน บางคนก็มาคนเดียว แต่ทุกคนต่างมีความหวังและความศรัทธาเหมือนกัน นั่นคือ ต้องการให้ชีวิตดีขึ้น อยากพ้นจากวิกฤตหรือปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่”

ความเชื่อและความศรัทธาในสังคมไทย

ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่วัดบางกุ้งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อและความศรัทธาที่ฝังรากลึกในสังคมไทย ถึงแม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปและเทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด แต่ความเชื่อและความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคงอยู่ในจิตใจของคนไทยเสมอ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนภาส ปิ่นแก้ว นักมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อธิบายว่า “ความเชื่อในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งหล่อหลอมจากทั้งพุทธศาสนา ความเชื่อดั้งเดิมเรื่องผีสางเทวดา และอิทธิพลจากศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ทำให้เกิดความเชื่อแบบผสมผสาน”

“การที่ผู้คนยังคงไปวัด ไปศาลเจ้า หรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เพื่อขอพร แม้ในยุคที่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก้าวหน้า สะท้อนให้เห็นว่าความเชื่อและความศรัทธายังเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจที่สำคัญ โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในชีวิต หรือปัญหาที่เกินความสามารถของมนุษย์ที่จะแก้ไขได้ด้วยตนเอง” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธนภาสกล่าว

ในขณะที่บางคนอาจมองว่าการไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องงมงาย แต่ในแง่จิตวิทยา การมีที่พึ่งทางใจอาจช่วยเยียวยาจิตใจและสร้างกำลังใจให้กับผู้ที่กำลังประสบปัญหาได้ การได้ระบายความทุกข์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาจทำให้รู้สึกโล่งใจและมองเห็นทางออกของปัญหาได้ชัดเจนขึ้น

นอกจากนี้ การบนบานและการแก้บน ยังเป็นวัฒนธรรมที่สะท้อนถึงความกตัญญูรู้คุณของคนไทย เมื่อได้รับสิ่งที่ปรารถนาแล้ว ก็ต้องกลับมาตอบแทนบุญคุณตามที่ได้สัญญาไว้ ซึ่งถือเป็นคุณธรรมอันดีงามอย่างหนึ่งของสังคมไทย

รำวงย้อนยุค: การแก้บนที่สร้างความสุขให้ผู้คน

การรำวงย้อนยุคเป็นรูปแบบการแสดงที่ได้รับความนิยมในการแก้บนตามวัดและศาลเจ้าต่างๆ เนื่องจากเป็นการแสดงที่สนุกสนาน ชวนให้ผู้ชมมีส่วนร่วม และยังเป็นการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมไทยอีกด้วย

นภาพรเล่าถึงที่มาของคณะรำวงของเธอว่า “คณะรำวงน้องโบว์’นภาพร ก่อตั้งมาได้ 7 ปีแล้วค่ะ เริ่มต้นจากการรวมตัวกันของเพื่อนๆ ที่ชอบการเต้นรำ และอยากอนุรักษ์ศิลปะการรำวงแบบโบราณ ที่กำลังจะสูญหายไป ตอนแรกก็รับงานเล็กๆ ตามงานวัด งานบุญ แต่พอมีคนรู้จักมากขึ้น ก็เริ่มมีงานใหญ่ขึ้น รวมถึงงานแก้บนตามวัดและศาลเจ้าต่างๆ”

“รำวงย้อนยุคของเราจะเน้นความสนุกสนาน ใช้เพลงไทยเดิมผสมกับเพลงลูกทุ่งเก่าๆ ที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่คุ้นเคย เวลารำก็จะมีการชวนผู้ชมมาร่วมรำด้วย ทำให้เกิดบรรยากาศแห่งความสุขและความสามัคคี” นภาพรอธิบาย

การแสดงรำวงย้อนยุคของคณะน้องโบว์’นภาพรในวันนั้น ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทุกคน นอกจากจะเป็นการแก้บนตามที่นักธุรกิจหนุ่มได้บนไว้แล้ว ยังเป็นการสร้างความบันเทิงและความสุขให้กับผู้ที่มาร่วมงานอีกด้วย

“ดีใจที่ได้มาแสดงที่วัดบางกุ้งในวันนี้ค่ะ” นภาพรกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นอกจากจะได้ช่วยเจ้าภาพแก้บนแล้ว ยังได้มาสัมผัสความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนิลมณี และได้ขอพรเลขเด็ดกลับไปด้วย หวังว่าคงจะโชคดีในงวดหน้านะคะ”

สิ่งมหัศจรรย์แห่งวัดบางกุ้งที่รอการค้นพบ

นอกจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนิลมณีและความมหัศจรรย์ของโบสถ์ปรกโพธิ์แล้ว วัดบางกุ้งยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆ อีกมากมายที่รอให้ผู้มาเยือนได้ค้นพบ

ภายในบริเวณวัดมีโบราณวัตถุและโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์หลายอย่าง เช่น พระพุทธรูปโบราณ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่มีอายุนับร้อยปี รวมไปถึงซากกำแพงและคูเมืองเก่าที่เป็นส่วนหนึ่งของค่ายบางกุ้งในอดีต

นอกจากนี้ ยังมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่มีอายุนับร้อยปี ซึ่งเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่สิงสถิตของเทพารักษ์ ผู้คนมักจะนำผ้าสีแดงมาผูกไว้ที่ต้นไม้เหล่านี้เพื่อขอพร โดยเฉพาะในเรื่องความรักและโชคลาภ

วัดบางกุ้งยังมีประเพณีและพิธีกรรมที่สำคัญตามเทศกาลต่างๆ เช่น พิธีสรงน้ำหลวงพ่อนิลมณีในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พิธีทอดผ้าป่าและทอดกฐินในช่วงเทศกาลออกพรรษา รวมไปถึงการจัดงานประจำปีของวัดในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ซึ่งจะมีมหรสพและการแสดงต่างๆ มากมายให้ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุก

นายชาติชาย ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานสมุทรสงคราม เล่าว่า “วัดบางกุ้งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดสมุทรสงคราม เรามีการส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมความมหัศจรรย์ของโบสถ์ปรกโพธิ์และสัมผัสกับประวัติศาสตร์อันยาวนานของสถานที่แห่งนี้ นอกจากนี้ เรายังส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวสมุทรสงครามผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้นในบริเวณวัด”

ผลกระทบของความเชื่อและการท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ

การที่ผู้คนหลั่งไหลมาขอพรและนมัสการหลวงพ่อนิลมณีที่วัดบางกุ้งเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบทั้งในแง่บวกและแง่ลบต่อชุมชนและวัดเอง

ในแง่บวก การที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมวัดเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดรายได้แก่ชุมชนโดยรอบ ทั้งจากการจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ดอกไม้ธูปเทียน และของที่ระลึกต่างๆ นอกจากนี้ ยังทำให้เกิดการอนุรักษ์โบราณสถานและวัฒนธรรมท้องถิ่นให้คงอยู่สืบไป

อย่างไรก็ตาม ในแง่ลบ การที่มีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมวัดเป็นจำนวนมาก อาจส่งผลกระทบต่อโบราณสถาน โดยเฉพาะโบสถ์ปรกโพธิ์ที่มีความเปราะบางเนื่องจากอายุที่ยาวนาน การที่มีคนเดินเข้าออกเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างของโบสถ์ได้

นอกจากนี้ การที่มีผู้คนมาขอพรและเสี่ยงโชคด้วยการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล อาจส่งเสริมให้เกิดการพนันและความเชื่อเรื่องโชคลาภโดยไม่ต้องทำงาน ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่สอนให้พึ่งพาตนเองและขยันหมั่นเพียร

พระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต เจ้าอาวาสวัดบางกุ้ง กล่าวว่า “ทางวัดพยายามส่งเสริมให้ญาติโยมที่มาขอพรได้เรียนรู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาควบคู่ไปด้วย ไม่ใช่มาแค่ขอโชคลาภหรือขอเลขเด็ดอย่างเดียว เราสอนให้ทุกคนรู้จักพึ่งตนเอง ขยันหมั่นเพียร และทำความดี ซึ่งเป็นหนทางที่จะนำไปสู่ความสุขและความสำเร็จที่แท้จริง”

“อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ปฏิเสธความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะในบางครั้ง ความเชื่อและความศรัทธาก็เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจที่ดี ทำให้คนมีกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต” พระมหาสมปองกล่าว

ความท้าทายในการอนุรักษ์โบสถ์ปรกโพธิ์

โบสถ์ปรกโพธิ์หรือโบสถ์มหาอุดของวัดบางกุ้ง นับเป็นโบราณสถานที่มีความสำคัญทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม การอนุรักษ์โบสถ์แห่งนี้ให้คงอยู่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสืบไป จึงเป็นความท้าทายที่สำคัญ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์โบราณสถานเล่าว่า การที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมโบสถ์อยู่นั้น แม้จะสร้างความสวยงามและความมหัศจรรย์ แต่ก็อาจเป็นสาเหตุให้โครงสร้างของโบสถ์เสียหายได้ในระยะยาว รากของต้นไม้อาจทำลายฐานรากและผนังของโบสถ์ หรือหากต้นไม้ล้มลงเมื่อเกิดพายุ ก็อาจทำให้โบสถ์พังทลายไปด้วย

อย่างไรก็ตาม การตัดต้นไม้ออกก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี เนื่องจากต้นไม้เหล่านั้นกลายเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างโบสถ์ไปแล้ว รากของต้นไม้เปรียบเสมือนโครงเหล็กที่ช่วยยึดโบสถ์ไว้ไม่ให้พังทลาย หากตัดต้นไม้ออก อาจทำให้โบสถ์ไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้

นายวิชิต ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์โบราณสถานจากกรมศิลปากร เล่าว่า “เราต้องหาจุดสมดุลระหว่างการอนุรักษ์โบสถ์ให้คงอยู่และการรักษาต้นไม้ที่ปกคลุมโบสถ์อยู่ ทางกรมศิลปากรได้มีการติดตามและตรวจสอบสภาพของโบสถ์และต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ มีการตัดแต่งกิ่งไม้ที่อาจเป็นอันตรายต่อโครงสร้างของโบสถ์ และมีการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างของโบสถ์ในจุดที่เสี่ยงต่อการพังทลาย”

นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าชมภายในโบสถ์ในแต่ละครั้ง เพื่อลดผลกระทบต่อโครงสร้างของโบสถ์ และมีการรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวช่วยกันอนุรักษ์โบราณสถานโดยไม่ทำลายหรือขีดเขียนบนผนังโบสถ์

ทิศทางในอนาคตของวัดบางกุ้ง

ในอนาคต วัดบางกุ้งมีแผนที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ควบคู่ไปกับการเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้คนมาขอพร

พระมหาสมปองเล่าว่า “ทางวัดมีแผนที่จะจัดสร้างพิพิธภัณฑ์เพื่อจัดแสดงประวัติความเป็นมาของวัดบางกุ้ง โบราณวัตถุที่ค้นพบในบริเวณวัด และเรื่องราวเกี่ยวกับสงครามระหว่างไทยกับพม่าในอดีต เพื่อให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมได้เรียนรู้และเข้าใจประวัติศาสตร์ของสถานที่แห่งนี้มากขึ้น”

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้และอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น การสอนรำวงย้อนยุค การสอนทำอาหารพื้นบ้าน และการสอนงานฝีมือต่างๆ เพื่อให้เยาวชนและผู้สนใจได้เรียนรู้และสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่นต่อไป

“เรายังมีแผนที่จะพัฒนาให้วัดบางกุ้งเป็นศูนย์กลางของชุมชน เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และช่วยกันอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติให้คงอยู่สืบไป” พระมหาสมปองกล่าว

บทส่งท้าย: พลังแห่งศรัทธาที่ไม่มีวันสิ้นสุด

เรื่องราวของวัดบางกุ้ง หลวงพ่อนิลมณี และการแก้บนด้วยการรำวงย้อนยุคในครั้งนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของความเชื่อและความศรัทธาที่มีอยู่ในสังคมไทย แม้ว่าเวลาจะผ่านไป สังคมจะเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่ความเชื่อและความศรัทธาในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็ยังคงอยู่ในจิตใจของคนไทยเสมอ

เราอาจไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าความเชื่อเหล่านี้เป็นความจริงหรือไม่ แต่หากความเชื่อและความศรัทธานั้นนำไปสู่การกระทำที่ดีงาม การช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ก็นับว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าและควรค่าแก่การสืบทอดต่อไป

ในขณะที่การแสดงรำวงย้อนยุคของคณะน้องโบว์’นภาพรดำเนินไปอย่างสนุกสนาน และผู้คนต่างพากันมุงดูด้วยความสนใจ เสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังก้องไปทั่วบริเวณลานวัด ภาพของโบสถ์ปรกโพธิ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหลัง ท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายที่ส่องผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ สร้างความรู้สึกถึงพลังแห่งความศรัทธาและความมหัศจรรย์ที่ไม่อาจอธิบายได้ด้วยเหตุผล

และไม่ว่าเลข 145 ที่นภาพรได้จากการล้วงไหลูกปิงปองในวันนั้นจะออกในงวดวันที่ 2 พฤษภาคม 2568 หรือไม่ก็ตาม แต่ความศรัทธาและความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อนิลมณี วัดบางกุ้ง จะยังคงอยู่ในใจของผู้คนตลอดไป