สถาบันประมูลโซธบีส์ (Sotheby’s) เลื่อนการประมูลอัญมณีที่เกี่ยวข้องกับพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า หลังถูกรัฐบาลอินเดียขู่ดำเนินคดี

ข่าวด่วนวันนี้

ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 สถาบันประมูลโซธบีส์ (Sotheby’s) สถาบันประมูลชื่อดังระดับโลก ประกาศเลื่อนการประมูลอัญมณีที่มีความเกี่ยวข้องกับพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากรัฐบาลอินเดียและชุมชนชาวพุทธทั่วโลก เหตุการณ์นี้ได้จุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับความเหมาะสมในการซื้อขายวัตถุที่มีความศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาและความเป็นเจ้าของมรดกทางวัฒนธรรม

ความเป็นมาของอัญมณีอันทรงคุณค่า

อัญมณีชุดนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Piprahwa Gems of the Historical Buddha Mauryan Empire, Ashokan Era, circa 240-200 BCE” มีประวัติย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 130 ปีที่แล้ว โดยถูกค้นพบโดยเจ้าหน้าที่ชาวอังกฤษชื่อ วิลเลียม แคล็กซ์ตัน เปปเป (William Claxton Peppé) ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่เป็นผู้จัดการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ใกล้เคียงกับหมู่บ้านปิปราห์วา ทางตอนใต้ของลุมพินี ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธเจ้า

การค้นพบครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1898 เมื่อเปปเปทำการขุดค้นสถูปโบราณและได้พบสิ่งล้ำค่ามากมาย รวมถึงอัญมณีจำนวนมากถึง 1,800 ชิ้น ประกอบด้วย ทับทิม โทปาซ แซฟไฟร์ และแผ่นทองคำขึ้นรูปที่ถูกเก็บไว้อย่างดีภายในช่องอิฐ ที่สำคัญไปกว่านั้น เขายังค้นพบเศษกระดูกที่ภายหลังมีการยืนยันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ซึ่งถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในพระพุทธศาสนา โดยซากสถูปโบราณแห่งนี้ปัจจุบันตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศของอินเดีย

ความขัดแย้งและการคัดค้าน

การประมูลชุดอัญมณี Piprahwa Gems มีกำหนดการจัดขึ้นในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ที่ฮ่องกง แต่แผนการดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับรัฐบาลอินเดียและชุมชนชาวพุทธทั่วโลก ทางรัฐบาลอินเดียได้ส่งจดหมายเป็นทางการถึงโซธบีส์เพียงสองวันก่อนวันที่กำหนดจัดการประมูล โดยเนื้อความในจดหมายระบุว่า อัญมณีที่จะนำมาประมูลนี้ “ถือเป็นมรดกทางศาสนาและมรดกทางวัฒนธรรมของอินเดียและประชาคมชาวพุทธทั่วโลกโดยไม่อาจแบ่งแยกได้”

นอกจากนี้ ทางรัฐบาลอินเดียยังได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า “การประมูลครั้งนี้ถือว่าละเมิดทั้งกฎหมายอินเดียและกฎหมายระหว่างประเทศ รวมไปถึงอนุสัญญาสหประชาชาติหลายฉบับ” และได้ขู่ว่าจะดำเนินคดีหากทางโซธบีส์ยังคงดำเนินการประมูลต่อไป การคัดค้านนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้นำทางศาสนาและนักวิชาการชาวพุทธหลายท่าน ที่เห็นว่าการนำวัตถุศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนามาซื้อขายเป็นการทำลายความรู้สึกของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก

การเลื่อนการประมูลและผลสืบเนื่อง

หลังจากได้รับจดหมายคัดค้านจากรัฐบาลอินเดีย เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอินเดียได้มีการหารือกับตัวแทนของโซธบีส์เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ซึ่งเป็นวันก่อนกำหนดการจัดประมูลเพียงหนึ่งวัน ผลจากการหารือทำให้ทางโซธบีส์ตัดสินใจเลื่อนการประมูลออกไปก่อน โดยระบุในถ้อยแถลงผ่านอีเมลว่า หลังจากที่ได้รับฟังข้อโต้แย้งจากรัฐบาลอินเดีย “และด้วยการทำข้อตกลงกับผู้ฝากขาย (consignors) การประมูลครั้งนี้จึงจะถูกเลื่อนออกไปก่อน”

ทางสถาบันโซธบีส์ยังแจ้งว่าจะอัปเดตรายละเอียดการหารือให้ทราบในภายหลัง “ตามความเหมาะสม” และกล่าวว่าการเลื่อนประมูลอัญมณีจะช่วยให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาหารือและทบทวนมากกว่านี้ ภายหลังจากการประกาศเลื่อนการประมูล ข่าวการเปิดประมูล Piprahwa Gems ได้ถูกถอดออกจากเว็บไซต์ของสถาบันโซธบีส์ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 และเพจเว็บไซต์ที่โปรโมตการประมูลก็ไม่สามารถเข้าถึงได้อีกต่อไป

ความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม

โซธบีส์เคยแถลงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ว่า การค้นพบชุดอัญมณี Piprahwa Gems เมื่อปี ค.ศ. 1898 “ถือเป็นหนึ่งในการค้นพบทางโบราณคดีที่น่าตื่นตะลึงที่สุดตลอดกาล” แสดงให้เห็นถึงคุณค่าอันมหาศาลของวัตถุโบราณชุดนี้ ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ โบราณคดี และความสำคัญทางศาสนา

อัญมณีเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางวัตถุเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเลื่อมใสศรัทธาของผู้คนในสมัยโบราณที่มีต่อพระพุทธศาสนา การอุทิศอัญมณีล้ำค่าเหล่านี้ให้กับพระสถูปเป็นเวลานานเกือบ 2,000 ปีมาแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของพระพุทธศาสนาในอดีตและความเคารพบูชาที่มีต่อพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า

บทสรุปและมุมมองต่ออนาคต

เหตุการณ์การเลื่อนประมูลอัญมณี Piprahwa Gems นี้ได้จุดประเด็นคำถามสำคัญเกี่ยวกับความเป็นเจ้าของวัตถุทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะวัตถุที่มีความสำคัญทางศาสนา ในขณะที่บางฝ่ายมองว่าการประมูลเป็นสิทธิของเจ้าของปัจจุบัน แต่อีกฝ่ายกลับมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติที่ไม่ควรถูกซื้อขายเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า

ความขัดแย้งนี้ยังคงดำเนินต่อไปและยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าอัญมณีเหล่านี้จะถูกนำกลับมาประมูลอีกหรือไม่ หรืออาจจะมีการเจรจาเพื่อคืนวัตถุโบราณเหล่านี้กลับสู่ประเทศอินเดียซึ่งเป็นแหล่งกำเนิด ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เหตุการณ์นี้ได้กระตุ้นให้เกิดการพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับจริยธรรมในการซื้อขายวัตถุทางวัฒนธรรมและศาสนา และอาจนำไปสู่การกำหนดแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสมในอนาคตสำหรับการจัดการกับโบราณวัตถุที่มีความสำคัญทางจิตวิญญาณและศาสนาของมนุษยชาติ

ในระหว่างที่การเจรจายังคงดำเนินอยู่ พุทธศาสนิกชนและผู้สนใจในประวัติศาสตร์ทั่วโลกต่างจับตามองสถานการณ์นี้ด้วยความสนใจ พร้อมทั้งหวังว่าจะมีข้อตกลงที่เคารพทั้งคุณค่าทางวัฒนธรรมและความศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาของอัญมณีอันล้ำค่านี้