ศึกลูกหนัง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เกมมันเดย์ไนท์ ประจำคืนวันจันทร์นี้ “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซน่อล ทีมอันดับ 3 ของตารางจะบุกไปเยือนถิ่น บรามอลเลน ของ “ดาบคู่” เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมบ๊วยของตาราง เริ่มฟาดแข้งในเวลา 03.00 น. เป็นต้นไป
“ไอ้ปืนใหญ่” เกมนี้จำเป็นต้องเก็บชัยชนะให้ได้เท่านั้น เพื่อโอกาสลุ้นแชมป์ต่อ หลังเวลานี้มีแต้มตาม ลิเวอร์พูล จ่าฝูงอยู่ 5 คะแนน เกมนี้สภาพทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ที่พาทีมชนะมา4 นัดติดในลีก จะยังขาด แข้งเดี้ยงหน้าเดิมทั้ง เยอร์เรี่ยน ทิมเบอร์,โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ และ โธมัส ปาร์เตย์ซึ่งไม่น่ามีปัญหาเพราะแกนหลักรายอื่นพร้อมลุยเต็มสูบนำโดย วิลเลี่ยม ซาลิบา และ กาเบรียล มากัลเญซ ที่จะยืนเซ็นเตอร์แบ๊กคู่กัน ส่วนแดนกลางนำโดย เดแคลน ไรซ์, จอร์จินโญ่ และ มาร์ตินโอเดการ์ด ส่วนแนวรุกจะยังต้องเช็คความฟิตของ กาเบรียลเฆซุส ที่หายหน้าไปหลายเกมแล้ว ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ,บูกาโย่ ซาก้า และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ต่อไป
ทางฝั่งเจ้าบ้าน “ดาบคู่” ที่ 6 เกมหลัง ชนะนัดเดียวนอกนั้นแพ้รวด โอกาสตกชั้นสูงมากขึ้นทุกที เกมนี้สภาพทีมของคริส ไวลเดอร์ เกมนี้จะยังขาด เมสัน โฮลเกต แนวรับตัวหลักที่ติดโทษแบนยาวอยู่เดิม เช่นเดียวกับ แม็กซ์ โลว์, รีส นอร์ริงตัน-เดวี่ส์, คริสโตเฟอร์ บาแชม, จอห์น อีแกน, คาเมร่อน อาร์เชอร์ และ อานิส เบน สลิมาเน่ หกแข้งเดี้ยงที่อยู่ในระหว่างพักรักษาตัวยกแพ็ก คาดว่าแกนหลักจะยังนำโดย แจ็ค โรบินสัน , เจย์เด้น โบเกิ้่ล, กุสตาโว่ ฮาเมอร์, วินิซิอุส ซูซ่า, โอลิเวอร์ นอร์วู้ด,เบนจามิน ออสบอร์น รวมไปถึง เจมส์ แม็กอาตี้ กับ เรียน บรูว์สเตอร์ ควงคู่ล่าสกอร์
สำหรับผลงานที่เคยดวลกัน 10 นัดหลังสุด อาร์เซน่อล ชนะไป 7 เสมอ 1 และ เชฟฟิลด์ ชนะ 2 ซึ่ง 4 เกมหลังที่พบกันเป็น “ไอ้ปืนใหญ่” ที่เก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ส่วนเกมแรกที่พบกันในฤดูกาลนี้ “ไอ้ปืนใหญ่” ถล่ม “ดาบคู่” เละ 5-0
ขณะเดียวกัน เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือลิเวอร์พูล เปิดใจว่าเขาแทบไม่อยากเชื่อว่าทีมที่สภาพตัวผู้เล่นบาดเจ็บหลายราย จนต้องดันดาวรุ่งขึ้นมาใช้งานจะทำผลงานได้ดีถึงขั้นชนะ 4 เกมติดต่อกันในทุกรายการ พร้อมยังรั้งจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อย่างเหนียวแน่นในเวลานี้
โดย “หงส์แดง” ช่วงที่่ผ่านมาต้องอดใช้งานผู้เล่นตัวหลักหลายคน อาทิ โมฮาเหม็ด ซาลาห์, วาตารุ เอ็นโด้, ดิโอโก้โชต้า, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โฌแอล มาติป และ อลิสซอน เบ็คเกอร์ จนต้องดันดาวรุ่งอย่าง คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์, บ็อบบี้ คลาร์ก, เจย์เด้น แดนน์ส และ ลูอี้ คูมาส มาใช้งาน
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ทำผลงานได้ดีเกินคาดเอาคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ด้วยการชนะ เชลซี 1-0 และผ่านเข้ารอบ 8 ทีมเอฟเอ คัพ ด้วยการถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 ส่วนในพรีเมียร์ลีก ก็ชนะ ลูตัน 4-1 และเกมล่าสุดได้ ดาร์วิน นูนเญซ ยิงประตูชัยเหนือ ฟอเรสต์ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย
หลังเกม คล็อปป์ กล่าวกับ บีบีซี สปอร์ต ว่า “มันเป็นโปรแกรมแข่งที่ยุ่งยาก เกมนี้ไม่ง่ายสำหรับเรา เราไม่ได้มีจังหวะที่ดี และเด็กๆ รู้สึกถึงเกมที่เข้มข้นในครึ่งแรก แต่เรามีช่วงเวลาของเรา”
“ประตูถูกกำหนดจากคนที่สงบที่สุดจากทั้งหมดในสนาม ผมเห็นมันแค่ในถ่ายทอดสด แต่ผมไม่ลืมเลย เขานิ่ง เขาชิพบอลไปตรงนั้น เป็นการจ่ายที่ยอดเยี่ยมและเป็นประตูสำคัญอย่างยิ่ง ถ้าคุณบอกผมเมื่อ 12 วันก่อนว่าเราจะชนะทั้ง 4 นัด ผมจะบอกว่าไม่มีทาง มันเป็นไปไม่ได้ ในสถานการณ์แบบนี้ การชนะมันน่าเหลือเชื่อมาก”
“เราจะกลับไปเติมพลังจนกว่าจะถึงเกมหน้า มันค่อนข้างพิเศษจากสิ่งที่ได้จากเด็กๆ ชุดนี้ การได้แต้มแบบนี้คือการต่อสู่ที่ยิ่งใหญ่ มันไม่เคยง่ายเลย” คล็อปป์ กล่าว
สำหรับโปรแกรมนัดต่อไป ลิเวอร์พูล จะดวลกับ สปาต้าปราก ในเกมยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีม ในวันพฤหัสบดี ก่อนจะทำศึกบิ๊กแมทช์ดวล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ แอนฟิลด์ ในวันที่ 10 มี.ค. นี้