“ดิว” สารภาพบาป! ต้นเหตุ “ศึก” เบียร์-หนุ่ม! บิดเบือนคำพูด “หนุ่ม กรรชัย” จนไฟลุก!

ข่าวด่วนวันนี้

ความขัดแย้งที่ลุกลามเป็นไฟลามทุ่งในโลกโซเชียลมีเดียระหว่างนักร้องสาวชื่อดัง “เบียร์ เดอะวอยซ์” และพิธีกรรายการดัง “หนุ่ม กรรชัย” ได้กลายเป็นมหากาพย์การสาดน้ำลายที่สร้างความแตกแยกในวงการบันเทิงไทย โดยมีบุคคลที่สาม “ดิว” หรือ “ราเชน รองกาญจนโรจน์” เข้ามาเกี่ยวข้องและสารภาพว่าตนเองเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งครั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ดิวได้ออกมาชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นครั้งที่สอง โดยยืนยันว่าจะเป็นการชี้แจงครั้งสุดท้ายก่อนที่จะรอให้เรื่องราวยุติในชั้นศาล

ที่มาของความขัดแย้ง

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อ “เบียร์ เดอะวอยซ์” ถูกมองว่าโพสต์ข้อความแซะ “หนุ่ม กรรชัย” เกี่ยวกับการผลิตเนื้อหารายการที่มีแต่เรื่องผัวเมีย จนทำให้แฟนคลับและชาวเน็ตเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์และโจมตีนักร้องสาวรายนี้อย่างรุนแรง กลายเป็นสงครามความคิดเห็นที่แบ่งฝ่ายชัดเจนในโลกออนไลน์ ทั้งฝ่ายที่สนับสนุนเบียร์และฝ่ายที่สนับสนุนหนุ่ม กรรชัย

การเข้ามาของ “ดิว” และการสารภาพผิด

ในโพสต์ล่าสุด ดิวได้ออกมายอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่า เขาคือผู้ที่บิดเบือนคำพูดของ “หนุ่ม กรรชัย” เมื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างทั้งสองฝ่าย เขาระบุว่า “ผมเป็นคนรับสารจากพี่หนุ่ม ผมบิดเบือนสารที่ส่งมาให้น้องเพื่อให้น้องใจเย็นลง นั้นคือเรื่องทั้งหมดที่ผม ‘เสือก’ ไปทำเองโดยพลการ”

ดิวยืนยันว่าการกระทำทั้งหมดของเขาเป็นความสมัครใจ ไม่มีการบังคับหรือกดดันจากฝ่ายใด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปเป็นตัวกลาง การพยายามช่วยเหลือฝ่ายเบียร์ การสื่อสารกับหนุ่ม กรรชัย หรือแม้แต่การโพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดีย เขากล่าวว่ามีเพียงตัวเขาเองที่กดดันตัวเองให้พยายามทำทุกอย่างให้ออกมาดีที่สุด

ความสัมพันธ์ระหว่างดิวและเบียร์

มีการเข้าใจผิดว่าดิวเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเบียร์ แต่ดิวได้ชี้แจงว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าเขาเคยเป็นเพียงหัวหน้าทีม AR (Artist Relation) ที่ดูแลศิลปินมาก่อน และปัจจุบันเบียร์ได้หมดสัญญากับบริษัทไปแล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนตัวดิวเองก็กำลังจะหมดสัญญากับบริษัทในวันที่ 30 เมษายน 2568 นี้

การขอร้องไม่ให้ลากบุคคลอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง

ดิวขอร้องให้ทุกฝ่ายไม่นำบริษัท เพื่อน และครอบครัวของเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เนื่องจากทั้งหมดเกิดขึ้นจากการกระทำของเขาเอง เขาต้องการให้ความรับผิดชอบทั้งหมดจบที่ตัวเขาเช่นกัน

ความรู้สึกของดิวต่อทั้งสองฝ่าย

แม้จะเป็นผู้ที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง แต่ดิวยังแสดงความเคารพต่อทั้งสองฝ่าย โดยกล่าวว่า “ผมไม่ได้ปกป้องเบียร์ และไม่ได้เข้าข้างพี่หนุ่ม แต่ยังไงผมก็ยังเคารพทั้งสองท่านในฐานะพี่ชายผู้ให้แรงบันดาลใจ และน้องสาวคนเก่งของผมมากๆ อยู่ดี”

ความเคลื่อนไหวของเบียร์

ในระหว่างที่เรื่องราวยังคงเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ มีรายงานว่า ‘เบียร์ เดอะวอยซ์’ มีการเคลื่อนไหวแบบเงียบๆ และพร้อมที่จะนำหลักฐานมาเปิดเผยในชั้นศาล ซึ่งบ่งชี้ว่าเรื่องนี้อาจมีการฟ้องร้องทางกฎหมายเกิดขึ้น

การดำเนินการทางกฎหมาย

ดิวได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาจะไม่โพสต์หรือตอบโต้อะไรในโซเชียลมีเดียอีกในระยะเวลาหนึ่ง จนกว่าคดีความจะจบลง และหลังจากนี้เขาจะให้การในชั้นศาลเพียงอย่างเดียว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งนี้ได้กลายเป็นเรื่องทางกฎหมายไปแล้ว

ผลกระทบต่อวงการบันเทิง

เหตุการณ์ความขัดแย้งครั้งนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของวงการบันเทิงไทยและอิทธิพลของโซเชียลมีเดียที่สามารถทำให้เรื่องเล็กลุกลามเป็นเรื่องใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว การสื่อสารที่ผิดพลาดหรือบิดเบือนสามารถนำไปสู่ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งที่ยากจะเยียวยา

บทเรียนจากเหตุการณ์

เรื่องราวนี้เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับทุกคนในยุคดิจิทัล เกี่ยวกับความรับผิดชอบในการสื่อสารและการใช้โซเชียลมีเดีย การตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนแสดงความคิดเห็นหรือแชร์ข้อมูล รวมถึงการทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารที่ต้องมีความซื่อสัตย์และถูกต้อง

ความหวังในการคลี่คลายความขัดแย้ง

แม้ว่าในขณะนี้ความขัดแย้งจะยังไม่มีทีท่าว่าจะยุติลงโดยเร็ว แต่การที่ดิวออกมายอมรับผิดและแสดงความรับผิดชอบอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการคลี่คลายปัญหา อย่างไรก็ตาม การนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการหาข้อยุติที่เป็นธรรมสำหรับทุกฝ่าย

คำถามจากสังคม

สังคมยังคงตั้งคำถามว่าเหตุใดดิวจึงบิดเบือนข้อมูลในการสื่อสารระหว่างทั้งสองฝ่าย และอะไรคือแรงจูงใจที่แท้จริงของเขา นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบลงอย่างไร และจะมีการประนีประนอมระหว่างเบียร์และหนุ่ม กรรชัย หรือไม่

ในท้ายที่สุด เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงพลังของคำพูดและการสื่อสารในยุคดิจิทัล ที่สามารถสร้างทั้งความสัมพันธ์อันดีและความแตกแยก การใช้วิจารณญาณในการสื่อสารและการรับข้อมูล จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนควรตระหนักและให้ความสำคัญ