เผยคลิปเสียงอ้าง คิมแซรน เล่าเคยลึกซึ้ง คิมซูฮยอน ตั้งแต่ ม.2 – มือมืดขอซื้อคลิปพันล้านวอน

ข่าวด่วนวันนี้

ความเคลื่อนไหวล่าสุดในคดีที่สั่นสะเทือนวงการ

วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ครอบครัวของนักแสดงสาวผู้ล่วงลับ คิมแซรน ได้จัดงานแถลงข่าวครั้งที่ 2 ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ โดยมีทนายความบูจีซอกเป็นตัวแทนของครอบครัว พร้อมด้วยคิมเซอึย ยูทูบเบอร์เจ้าของช่อง Garosero Research Institute ร่วมให้ข้อมูลในงาน การแถลงข่าวครั้งนี้ได้สร้างความสนใจอย่างมากเมื่อมีการเปิดเผยหลักฐานสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อคดีความระหว่างครอบครัวของคิมแซรนและพระเอกชื่อดัง คิมซูฮยอน

ประเด็นสำคัญจากคลิปเสียงที่ถูกเปิดเผย

ในงานแถลงข่าวมีการเปิดคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นการสนทนาระหว่างคิมแซรนกับคนรู้จัก ซึ่งบันทึกเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2568 ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในรัฐนิวเจอร์ซีย์ สหรัฐอเมริกา ประมาณหนึ่งเดือนก่อนที่คิมแซรนจะเสียชีวิต คลิปดังกล่าวมีความยาวประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง และได้รับความยินยอมจากเธอในการบันทึก

ข้อความสำคัญจากคลิปเสียงที่อ้างว่าเป็นเสียงของคิมแซรนเปิดเผยว่า:

  • เธอเคยมีความสัมพันธ์กับคิมซูฮยอนตั้งแต่สมัยมัธยมต้น และเลิกราไปตอนเธอเข้ามหาวิทยาลัย
  • มีการกล่าวอ้างว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์ทางเพศครั้งแรกในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวขณะที่เธอกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
  • มีเพียงไม่กี่คนที่รับรู้ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในช่วงวัยเยาว์ และผู้ที่รับรู้ต่างมีปฏิกิริยาคล้ายคลึงกัน โดยมองว่าเธอเป็นฝ่ายถูกกระทำและสงสัยว่าทำไมเธอถึงปล่อยให้เขาหลุดพ้นจากความรับผิดชอบ

การเปิดเผยข้อมูลที่น่าตกใจเพิ่มเติม

ในคลิปเสียงเดียวกัน ยังมีการอ้างว่าคิมแซรนได้เปิดเผยพฤติกรรมอื่นๆ ของคิมซูฮยอน ซึ่งรวมถึง:

  • การมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น
  • การส่งรูปภาพที่มีเนื้อหาไม่เหมาะสมไปให้คิมแซรน โดยมีภาพของเขากับไอดอลหญิงคนหนึ่ง
  • มีการกล่าวอ้างว่า เขาได้ตั้งชื่อเล่นให้กับไอดอลหญิงคนหนึ่งว่า “สาหร่าย” ด้วยเหตุผลที่ไม่เหมาะสม

การดำเนินการทางกฎหมาย

ด้วยหลักฐานที่ปรากฏ ทนายความบูจีซอก ตัวแทนทางกฎหมายของครอบครัวคิมแซรน ได้ประกาศว่าทางครอบครัวได้ยื่นฟ้องดำเนินคดีอาญาต่อคิมซูฮยอนในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก โดยเป็นการกระทำอนาจารและล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้เยาว์

เหตุการณ์คุกคามที่น่าเป็นห่วง

ทนายความของครอบครัวคิมแซรนยังได้เปิดเผยเรื่องราวน่าตกใจเกี่ยวกับผู้ให้เบาะแสคลิปเสียงนี้ ซึ่งได้ประสบเหตุการณ์ร้ายแรงดังนี้:

  • ผู้ให้เบาะแสได้รับข้อเสนอซื้อหลักฐานมูลค่าหลายพันล้านวอน ซึ่งเขาได้ปฏิเสธไป
  • หลังจากปฏิเสธข้อเสนอ ผู้ให้เบาะแสถูกคุกคามความปลอดภัย
  • เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 ผู้ให้เบาะแสถูกทำร้ายร่างกายในสหรัฐอเมริกา โดยถูกแทงที่คอ 9 ครั้ง
  • ผู้ก่อเหตุมี 2 คน เป็นชาวเกาหลีและชาวจีน

เหตุการณ์คุกคามนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ครอบครัวคิมแซรนตัดสินใจเปิดเผยคลิปเสียงดังกล่าวต่อสาธารณะในขณะนี้ เนื่องจากกังวลว่าหากรอต่อไป สถานการณ์อาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้น

การตอบโต้จากฝ่ายคิมซูฮยอน

หลังจากการแถลงข่าวของครอบครัวคิมแซรน บริษัท GOLDMEDALIST ต้นสังกัดของคิมซูฮยอนได้ออกแถลงการณ์ทันที โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด พร้อมชี้แจงว่า:

  • คลิปเสียงที่ถูกนำมาเปิดในงานแถลงข่าวเป็นของปลอม และถูกสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยี AI
  • ภาพถ่ายของผู้ให้เบาะแสที่ถูกทำร้ายร่างกายซึ่งถูกนำมาแสดงในงานแถลงข่าว เป็นเพียงภาพที่นำมาจากอินเทอร์เน็ต ไม่ใช่ภาพจริง
  • ทางต้นสังกัดเตรียมดำเนินการฟ้องร้องกลับในข้อหาหมิ่นประมาท

ความเคลื่อนไหวและปฏิกิริยาของสังคม

กรณีความขัดแย้งระหว่างคิมซูฮยอนและครอบครัวของคิมแซรนได้กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมเกาหลีและในระดับนานาชาติ ทั้งสองฝ่ายต่างยืนยันในจุดยืนของตน และมีการดำเนินการทางกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สังคมแบ่งออกเป็นฝักฝ่ายในการให้การสนับสนุนแต่ละฝ่าย

การกล่าวหาที่มีความรุนแรงและเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดผู้เยาว์ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับคดีนี้ และความพยายามในการข่มขู่ผู้ให้เบาะแสก็เป็นการยกระดับความร้ายแรงของสถานการณ์ ในขณะเดียวกัน การกล่าวอ้างจากต้นสังกัดของคิมซูฮยอนเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยี AI ในการปลอมแปลงหลักฐานเสียงก็เป็นประเด็นที่สร้างความสงสัยให้กับสาธารณชน

สรุป

เหตุการณ์นี้ยังคงอยู่ในกระบวนการทางกฎหมาย และยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ทั้งสองฝ่ายมีหลักฐานและข้อโต้แย้งของตนเอง โดยต่างฝ่ายต่างยืนยันว่าตนเป็นฝ่ายถูก สังคมยังคงจับตามองการดำเนินคดีนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงและยังมีประเด็นที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้เยาว์ การหมิ่นประมาท และความปลอดภัยของพยานในคดี

ท้ายที่สุดแล้ว กระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ตัดสินว่าความจริงอยู่ที่ฝ่ายใด และสังคมก็ควรรอฟังผลสรุปอย่างเป็นทางการจากศาลก่อนที่จะตัดสินตามความเชื่อส่วนตัว เพื่อให้ความยุติธรรมเกิดขึ้นกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง